รอยเตอร์/เอพี/เอเจนซีส์ - ไทเปออกแถลงการณ์แสดงความยินดี ซานติอาโก เปญา นักเศรษฐศาสตร์วัย 44 ปี จากพรรคโคโลราโด ขึ้นเป็นประธานาธิบดีปารากวัยหลังสามารถเอาชนะ 42.7% เหนือคู่แข่ง อีฟราอิน อเลเกร จากพรรคการเมืองปีกซ้ายที่เคยหาเสียงประกาศจะเปลี่ยนข้างหันไปซบปักกิ่งหากชนะเลือกตั้งวันอาทิตย์ (30 เม.ย.) ที่หวังกระแสไม่พอใจคอร์รัปชันระดับสูงจะสามารถเปลี่ยนใจประชาชน ตอกย้ำชัดหลังก่อนหน้ารองประธานวุฒิสภาฝรั่งเศสนำคณะ 5 คนพบประธานาธิบดีไช่ อิงเหวิน ถึงกรุงไทเปในวันศุกร์ (28 เม.ย.) แสดงหลักประกัน เรือรบฝรั่งเศสแล่นลาดตระเวนช่องแคบไต้หวัน
รอยเตอร์รายงานวันนี้ (1 พ.ค.) ว่า ทันทีที่ผลการเลือกตั้งปารากวัวันอาทิตย์ (30 เม.ย.) ออกมาชี้ว่า พรรครัฐบาลคอนเซอร์เวทีฟปารากวัย พรรคโคโลราโด ประสบความสำเร็จสามารถชนะเลือกตั้งและยังคงกุมอำนาจต่อไป
สถานทูตไต้หวันประจำปารากวัยออกแถลงการณ์แสดงความยินดีวันจันทร์ (1) ผ่านทางเฟซบุ๊กมีใจความว่า
“เราจะคงความสัมพันธที่เบ่งบานของการเป็นพันธมิตรแห่งความมั่งคั่งต่อไป”
ขณะที่กระทรวงต่างประเทศไต้หวันออกแถลงการณ์แสดงความยินดีเช่นกันในนามประธานาธิบดี ไช่ อิงเหวิน มีใจความว่า
“บนพื้นฐานของคุณค่าร่วม เช่น ประชาธิปไตยและเสรีภาพและความเป็นมิตรตามประเพณีระหว่าง 2 ประเทศ ชาติของเราจะยังคงความสัมพันธ์กับรัฐบาลปารากวัยชุดใหม่ต่อไป”
เป็นชัยชนะที่สร้างความโล่งใจให้ไทเป หลังก่อนหน้าอีฟราอิน อเลเกร (Efraín Alegre) จากพรรคการเมืองปีกซ้ายที่เคยประกาศช่วงหาเสียงจะเปลี่ยนข้างหันไปซบปักกิ่งหากชนะเลือกตั้งวันอาทิตย์ (30 เม.ย.)
รอยเตอร์รายงานว่า ซานติอาโก เปญา นักเศรษฐศาสตร์วัย 44 ปี จากพรรคโคโลราโด ขึ้นเป็นประธานาธิบดีปารากวัยหลังสามารถเอาชนะ 42.7% หลังนับคะแนนเสร็จสิ้นไปแล้ว 99% มีคะแนนนำอเลเกรอยู่กว่า 15 จุด
เปญาประกาศที่จะยังคงความสัมพันธ์กับไต้หวันต่อไป โดยในคำแถลงประกาศชัยชนะ เขากล่าวว่า “ขอขอบคุณสำหรับชัยชนะต่อพรรคโคโลราโดครั้งนี้ ขอบคุณสำหรับชัยชนะของปารากวัย”
เอพีรายงานว่า พรรคโคโลราโดสามารถคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งวานนี้ (30 เม.ย.) ได้อย่างไม่ยากเย็น และยังประสบความสำเร็จทำผลงานการเลือกตั้งระดับท้องถิ่นผู้ว่าการรัฐได้ไป 15 รัฐจากทั้งหมด 17 รัฐ และยังสามารถได้เสียงส่วนใหญ่ของที่นั่งทั้งในสภาผู้แทนราษฎรปารากวัย และวุฒิสภาปารากวัยได้ในคราวเดียวกัน
อเลเกรผู้ท้าชิงจากพรรคเสรีนิยมปารากวัย PLRA (Authentic Radical Liberal Party) ที่ต้องการให้ปารากวัยหันไปสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับจีนตั้งความหวังว่า เขาจะสามารถชนะการเลือกตั้งได้หลังกระแสความไม่พอใจระบาดไปทั่วต่อการคอร์รัปชันระดับสูงและความล้มเหลวในระบบสาธารณสุขและระบบการศึกษาปารากวัยเกิดขึ้นในช่วงวิกฤตโควิด-19 เกิดระบาด
อเลเกรในที่สุดประกาศยอมรับความพ่ายแพ้หลังผลการเลือกตั้งออกมา
เอพีรายงานว่า ม้านอกสายตา ปารากัวโย คูบาส (Paraguayo Cubas) นักประชานิยมปีกขวาซึ่งเป็นคนนอกวงการที่มาพร้อมกับสารข้อความต่อต้านกลุ่มเอสแทบลิชเมนท์เป็นที่น่าสนใจว่า เขาได้เสียงผู้สนับสนุนมากถึง 23%
ชัยชนะของพรรครัฐบาลปากราวัยวันอาทิตย์ (30 เม.ย.) เกิดขึ้นหลังในวันศุกร์ (28 เม.ย.) รองประธานวุฒิสภาฝรั่งเศสเป็นผู้นำคณะรัฐสภาปารีสจำนวนทั้งหมด 5 คน เข้าพบกับผู้นำไทเป เพื่อแสดงถึงการสนับสนุนของฝรั่งเศสที่มีต่อไต้หวัน หลังประธานาธิบดี เอ็มมานูเอล มาครง ช็อกโลก เคยออกมาประกาศไทเปไม่ใช่ผลประโยชน์ของยุโรปและไม่ควรเป็นลูกไล่ของสหรัฐฯ
สำนักข่าวเกียวโดของญี่ปุ่นรายงานวันศุกร์ (28 เม.ย.) ว่า รองประธานวุฒิสภาฝรั่งเศส อเลน ริชาร์ด (Alain Richard) ซึ่งเป็นหัวหน้านำคณะรัฐสภาฝรั่งเศสจำนวน 5 คนมาเยือนไต้หวันกล่าวต่อประธานาธิบดีหญิงไต้หวันว่า สมาชิกรัฐสภาฝรั่งเศสนั้นมีความวิตกเป็นอย่างมากต่อสวัสดิภาพของไต้หวัน และพวกเขาได้กระตุ้นให้รัฐบาลฝรั่งเศสให้ความสนใจมากขึ้นต่อความมั่นคงของช่องแคบไต้หวัน
เขากล่าวเลยไปว่า เรือรบฝรั่งเศสที่เพิ่งแล่นลาดตระเวนผ่านช่องแคบไต้หวันเมื่อไม่นานมานี้ "เป็นหลักประกันชั้นดี" ถึงการใส่ใจของฝรั่งเศสที่มีต่อภูมิภาค
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า สัปดาห์ก่อนหน้านั้น นักการเมืองฝรั่งเศส อีริค บอธอเรล (Eric Bothorel) ประธานกลุ่มพันธมิตรระหว่างสภาฝรั่งเศส-ไต้หวัน นำคณะ 4 คนจากสภาผู้แทนราษฎรฝรั่งเศสมาเยือนกรุงไทเปเพื่อกระชับความสัมพันธ์