เอเจนซีส์/รอยเตอร์/MGRออนไลน์ - กองทัพซูดานขวางพลเรือนอังกฤษห้ามขึ้นไฟลต์สุดท้ายออกจากกรุงคาร์ทูม หลังอพยพไปแล้วได้ 1,888 คน ขณะที่สหรัฐฯ ส่งโดรนติดมิสไซล์ประกบขบวนคอนวอยพลเมืองอเมริกันหลายร้อยอพยพทั้ง "ทางบก อากาศ และทะเล" ออกนอกประเทศ หลังเสียชีวิตไปแล้ว 2 ราย ส่วนพลเมืองไทย 132 คน กลับถึงกรุงเทพฯ จากซูดานคืนวันเสาร์ (29 เม.ย.) อย่างปลอดภัย ท่ามกลางการสู้รบยังคงดุเดือดกลางเมืองหลวง แต่เหล่านักการทูตต่างเห็นช่องทางเปิดมากขึ้นในการเจรจา
เดอะการ์เดียน สื่ออังกฤษ รายงานวานนี้ (29 เม.ย.) ว่า นับตั้งแต่เริ่มปฏิบัติการอพยพมาตั้งแต่วันอังคาร (25) ที่ผ่านมา รัฐบาลอังกฤษสามารถอพยพพลเรือนของตัวเองออกไปได้ทั้งหมด 1,888 คน รวมเบ็ดเสร็จ 21 เที่ยวบิน
ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพลเรือนอังกฤษและครอบครัว แต่ทว่าเที่ยวสุดท้ายเกิดปัญหายังเดินทางออกไปไม่ได้ถึงแม้จะมีกำหนดการขึ้นเทกออฟเมื่อเวลา 18.00 น.ก็ตาม
อลิเซีย เคิร์นส์ (Alicia Kearns) พรรคคอนเซอร์เวทีฟ ประธานคณะกรรมาธิการด้านการต่างประเทศชุดสรรหาเปิดเผยกับสื่อเดอะออฟเซิร์ฟเวอร์ว่า “ดิฉันได้ข้อมูลที่มีการเปิดเผยว่า กองกำลังกองทัพซูดานหยุดประชาชนห้ามผ่านกรุงคาร์ทูมเข้าไปสนามบิน ดิฉันคิดว่าพวกเราจำเป็นต้องพิจารณาเพื่อตรวจสอบข้อมูลว่าเป็นความจริงหรือไม่ และหากว่าเป็นเช่นนั้นแสดงว่าคุณมีพลเมืองอังกฤษที่ยังติดค้าง และถูกขัดขวางจากการเดินทางไปที่จุดอพยพ”
ซึ่งสนามบินที่ว่านี้ตั้งอยู่ทางเหนือของกรุงคาร์ทูม โดยมีพลเมืองชาวอังกฤษจำนวนหลายร้อยคนได้รับแจ้งข่าวให้ฝ่าการสู้รบที่กำลังดำเนินอยู่เพื่อไปให้ถึงศูนย์อพยพตั้งอยู่ที่สนามบินวาดี ซิดนา (Wadi Seidna airbase) 14 ไมล์ทางเหนือของกรุงคาร์ทูม และเมืองคู่แฝดคือ ออมดูร์มาน (Omdurman)
รานา อามีน (Rana Ameen) วัย 23 ปีนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์เปิดเผยว่า ทั้งตัวเองและสมาชิครอบครัว 5 คนต้องจ่าย 475 ปอนด์/คนโดยเฉลี่ยเพื่อพาตัวเองไปให้ถึงจุดข้ามแดนอียิปต์ที่ห่างออกไปร่วม 600 ไมล์
ขณะที่สหรัฐฯ ซึ่งมีพลเรือนของตัวเองเสียชีวิตในซูดานไปแล้ว 2 รายในวันศุกร์ (28) กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงว่า อเมริกาได้อพยพคอนวอยพลเรือนอเมริกันจำนวนไม่กี่ร้อยคนจากจำนวนพลเรือนสหรัฐฯ ในซูดานทั้งหมดมีมากถึง 16,000 คนไปทั้งทางบก ทางอากาศ และทางเรือแล้ว NBC News สื่อสหรัฐฯ รายงานวันเสาร์ (29)
ตามแถลงการณ์กล่าวว่า ขบวนคอนวอยที่นำพลเรือนอเมริกัน เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นทำงานให้สหรัฐฯ และพลเรือนชาติพันธมิตรเดินทางมาถึงท่าเรือซูดานโดยมี “โดรนอเมริกันติดอาวุธบินคุ้มกัน” อยู่ด้านบนขบวนคอนวอยในวันเสาร์ (29) ซึ่งจะเป็นจุดที่รัฐบาลสหรัฐฯ จะนำพลเรือนอเมริกันและคนอื่นๆ เดินทางไปเมืองเจดดาห์ (Jeddah) ซาอุดีอาระเบีย
สื่อสหรัฐฯ ชี้ว่า ไม่เป็นที่แน่ชัดว่า มีพลเรือนอเมริกันเดินทางไปกับขบวนคอนวอยได้กี่คนท่ามกลางแรงกดดันวอชิงตันที่สื่อในประเทศตั้งคำถามการอพยพประชาชนชาวอเมริกันออกนอกประเทศท่ามกลางชาติต่างๆ ทั่วโลกเร่งส่งเครื่องบินขนพลเมืองชาติตัวเองออกอย่างเร่งรีบ
ซึ่งโฆษกกระทรวงต่างประเทศซาอุดีอาระเบียแถลงวันเสาร์ (29) ว่า มีพลเรือนอเมริกันรวมอยู่ในกลุ่มชาวต่างชาติเกือบ 1,900 คนที่เดินทางถึงท่าเจดดาห์ในวันเสาร์ (29) แต่ไม่ได้เปิดเผยตัวเลขที่แน่นอน
ซึ่ง 2 สัปดาห์ก่อนสงครามกลางเมืองซูดานจะเปิดฉาก พบมีชาวอเมริกันอยู่ในซูดานทั้งหมด 16,000 คน
เจดดาห์ ซาอุดีอาระเบียกลายเป็นฮับของการอพยพ เพราะพลเรือนไทย 132 คน จากซูดานเดินทางด้วยเที่ยวบินแอร์บัส 340-500 ของกองทัพอากาศที่บินไปสแตนด์บายรออยู่ที่นี่ก่อนนำตัวกลับถึงกรุงเทพฯ สำเร็จในคืนวันเสาร์ (29) สร้างความดีใจไปทั่ว สื่อไทยในประเทศรายงาน
ทั้งนี้ สื่อในประเทศรายงานเมื่อวันพุธ (26) ว่า พลเมืองไทย 82 คนเดินทางจากท่าเรือซูดานด้วยความช่วยเหลือของริยาดเดินทางไปถึงเมืองเจดดาห์ ซาอุฯ และรออยู่ที่นั่นเพื่อรอเครื่องจากไทยบินไปรับกลับกรุงเทพฯ
ซึ่งในเรือซาอุฯ นี้นำพลเรือนต่างชาติเกือบ 1,700 คน บนเรือลำนี้รวมคนไทย 82 คน
รอยเตอร์รายงานวันนี้ (30) ว่า กรุงคาร์ทูมยังถูกโจมตีทางอากาศและปืนใหญ่ในวันเสาร์ (29) โดยภายในช่วงค่ำเห็นการปะทะกันอย่างหนักใกล้ใจกลางเมืองหลวง ใกล้กับกองบัญชาการกองทัพและทำเนียบประธานาธิบดีซูดาน
ขณะเดียวกัน ทูตองค์การสหประชาชาติเปิดเผยว่า ถึงแม้จะเห็นการสู้รบยังคงเกิดขึ้นแต่ทว่า เห็นร่องรอยหลายฝ่ายเปิดกว้างมากขึ้นในการเจรจา ถึงแม้ยังไม่มีการกำหนดวันแน่นอนก็ตาม
กองทัพซูดานกล่าวผ่านแถลงการณ์ว่า ฝ่ายกองทัพออกปฏิบัติการกวาดล้างและได้ปะทะกับกองกำลังฝ่ายอริ หรือกองกำลังตอบโต้เร็วซูดาน RSF ที่บาห์รี (Bahri) ทางเหนือและในเมืองคู่แฝดออมดูร์มานที่ตั้งอยู่ตรงข้างกับกรุงคาร์ทูมโดยมีแม่น้ำไนล์กั้น
นอกจากนี้ กองทัพซูดานยังสามารถทำลายยานยนหุ้มเกราะ RSF ไปได้ 25 คัน
กองทัพซูดานเผยต่อว่า ธนาคารไม่กี่แห่งและร้านค้าทั่วทั้งกรุงคาร์ทูมถูกปล้นสะดม
พยานในเหตุการณ์เห็นโดรนของกองทัพซูดานตั้งเป้าโจมตีทหารกองกำลัง RSF ใกล้กับหนึ่งในโรงกลั่นน้ำมันใหญ่ของประเทศทางเหนือของกรุงคาร์ทูม