ผู้นำเกาหลีใต้แย้มพิจารณาทางเลือกส่ง 'อาวุธสังหาร' ช่วยยูเครน ลั่นยังไงก็ให้ ‘ปูติน’ ชนะไม่ได้

ประธานาธิบดี ยุน ซุกยอล แห่งเกาหลีใต้ระบุวานนี้ (28 เม.ย.) ว่า นานาชาติจำเป็นที่จะต้องขัดขวางไม่ให้ปฏิบัติการรุกรานยูเครนของรัสเซียประสบความสำเร็จได้ และรัฐบาลโซลกำลังพิจารณาทางเลือกต่างๆ ในการส่งอาวุธสังหาร (lethal aid) ช่วยยูเครน

ยุน ได้กล่าวปาฐกถาที่โรงเรียนเคนเนดีแห่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด (Harvard University’s Kennedy School) ในวันที่ 5 ของการเยือนสหรัฐอเมริกาในฐานะแขกของประมุขรัฐ (state visit) และเนื่องในโอกาสครบรอบ 70 ปีการเป็นพันธมิตรระหว่างอเมริกาและเกาหลีใต้ โดยเขาระบุว่า การที่รัสเซียส่งทหารรุกรานเพื่อนบ้านอย่างยูเครนนั้นเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ และละเมิดสิทธิของชาวยูเครน

“เราจะต้องช่วยกันพิสูจน์ว่า ความพยายามลักษณะนี้จะไม่มีวันสำเร็จ และต้องขัดขวางไม่ให้เกิดการกระทำเช่นนี้ขึ้นอีกในอนาคต” ผู้นำเกาหลีใต้ระบุ

เมื่อถูกถามถึงความเป็นไปได้ที่เกาหลีใต้จะส่งอาวุธร้ายแรงไปช่วยยูเครนต่อกรกับรัสเซีย ยุน ให้คำตอบว่า “เรากำลังเฝ้าจับตาสถานการณ์การรบที่ยูเครนอย่างใกล้ชิด และจะมีมาตรการตอบสนองที่เหมาะสม เพื่อธำรงไว้ซึ่งหลักการสากลและกฎหมายระหว่างประเทศ”

“เวลานี้เราจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และกำลังพิจารณาหลายๆ ทางเลือก”

เมื่อวันพุธ (26) ยุน ได้เข้าพบประธานาธิบดี โจ ไบเดน ที่ทำเนียบขาว ซึ่งวอชิงตันได้ให้สัญญาว่าจะแชร์ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับแผนรับมือด้านนิวเคลียร์ในกรณีที่เกิดสงครามกับเกาหลีเหนือให้เกาหลีใต้รับทราบ นอกจากนี้ผู้นำทั้งสองยังได้หารือเกี่ยวกับสถานการณ์ในยูเครนด้วย

สัปดาห์ที่แล้ว ผู้นำเกาหลีใต้ได้ให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์ก่อนจะออกเดินทางมาสหรัฐฯ ว่า โซลอาจจะเพิ่มการสนับสนุนยูเครนให้มากไปกว่าความช่วยเหลือด้านเศรษฐกิจและมนุษยธรรมหากเกิดการโจมตีพลเรือนครั้งใหญ่ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ ยุน ส่งสัญญาณปรับเปลี่ยนจุดยืนเกี่ยวกับการติดอาวุธให้ยูเครน

ระหว่างเสวนาที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ยุน ปฏิเสธแนวคิดที่ว่า การทำข้อตกลง “ปฏิญญาวอชิงตัน” (Washington Declaration) ร่วมกับประธานาธิบดี ไบเดน หมายถึงการยอมรับสถานะของเกาหลีเหนือว่าเป็นหนึ่งใน “รัฐที่ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์” (nuclear-armed state) ด้วย โดยย้ำว่าตัวเขาเองไม่เห็นด้วยที่จะปฏิบัติต่อการครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือในลักษณะของการลดอาวุธ (disarmament)

“ถ้าเรายอมรับว่าเกาหลีเหนือเป็นรัฐนิวเคลียร์ เกาหลีใต้ก็อาจจำเป็นต้องครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ด้วยเหมือนกัน และมันจะนำไปสู่สถานการณ์ของการลดอาวุธ ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่เราอยากจะให้เกิดขึ้น”

ผู้นำเกาหลีใต้ระบุด้วยว่า ปฏิญญาวอชิงตันกำหนดให้โซลยังคงเคารพสนธิสัญญาไม่แพร่กระจายนิวเคลียร์ (Non-Proliferation Treaty) ซึ่งหมายความว่า เกาหลีใต้จะไม่พยายามแสวงหาอาวุธนิวเคลียร์มาไว้ในครอบครอง

ที่มา : รอยเตอร์