เอเจนซีส์/MGRออนไลน์ - มีเสียงเรียกร้องกดดันมากขึ้นจากสาธารณชนอังกฤษไปถึงบักกิงแฮม ต้องการให้พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ทรงชำระภาษีมรดกมูลค่า 650 ล้านปอนด์ที่ได้รับพระราชทานจากสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบทที่ 2 แห่งสหรราชอาณาจักรอังกฤษ ท่ามกลางการรายงานของสื่อมวลชนในประเทศเปิดเผยมรดกที่ได้รับทำตัวเลขทรัพย์สินส่วนพระองค์พุ่งเกือบ 2 พันล้านปอนด์ โพลปีที่ผ่านมาพบชาวอังกฤษ 63% เรียกร้องให้ต้องเก็บภาษีมรดกเพื่อความเท่าเทียม
เดลีเมล สื่ออังกฤษ รายงานวันพฤหัสบดี (20 เม.ย.) ที่ผ่านมาว่า ตามกฎหมายอังกฤษเวลานี้ พระมหากษัตริย์อังกฤษพระองค์ใหม่ที่ทรงได้รับมรดกผ่านจากพระมหากษัตริย์อังกฤษพระองค์ก่อนหน้าได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีมรดกที่เก็บอัตราแพงหูฉี่เหมือนเช่นประชาชนอังกฤษทั่วไปซึ่งอยู่ในอัตรา 40% หากว่าตัวเลขมรดกสูงกว่า 325,000 ปอนด์ ต่างจากในสหรัฐฯ ที่พบว่ารัฐส่วนใหญ่ในอเมริกาไม่มีการเก็บภาษีมรดก
มีการพบว่าหลังจากได้รับพระราชทานมรดกมูลค่า 650 ล้านปอนด์ที่ไม่มีการชำระภาษี ส่งผลทำให้พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ทรงมีทรัพย์สินส่วนพระองค์เพิ่มขึ้นสูงในปัจจุบันอยู่ที่ 1.815 พันล้านปอนด์ ท่ามกลางเสียงเรียกร้องภายในประเทศกดดันให้พระองค์เรื่องภาษีมรดก
เดลีเมลรายงานว่า แหล่งข่าวราชสำนักอ้างว่า "ทรัพย์สินของพระราชินีนั้นถูกส่งผ่านโดยตรง "จากกษัตริย์สู่กษัตริย์" (from monarch to monarch) เพราะเป็นวิธีทางภาษีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการส่งมอบมัน" ราชวงศ์อังกฤษนั้นถูกจัดว่าเป็นราชวงศ์ที่มีความมั่งคั่งมากที่สุดในบรรดาราชวงศ์ยุโรปทั้งหลาย และได้รับเงินประจำปีที่มาจากภาษีประชาชนอังกฤษตกราว 86-127 ล้านปอนด์
ทั้งนี้ เดอะการ์เดียน สื่ออังกฤษ รายงานในวันพหัสบดี (20) ว่า ทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ส่วนใหญ่นั้นไม่เป็นที่เปิดเผยต่อสาธารณะทำให้เป็นการยากที่จะล่วงรู้ถึงตัวเลขที่แท้จริง อย่างไรก็ตาม เดอะการ์เดียนกล่าวว่า ทางสื่อได้ลงมือตรวจสอบอย่างครอบคลุมเป็นครั้งแรกต่อทรัพย์สินส่วนพระองค์ของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ซึ่งทรงกำลังจะขึ้นครองราชย์ในวันที่ 6 พ.ค.ที่จะถึง
เดอะการ์เดียนกล่าวว่า ซึ่งในการตรวจสอบที่ครอบคลุมนี้มีกลุ่มผู้เชี่ยวชาญเข้าร่วมอยู่ด้วย
ในการตรวจสอบนั้นรวมไปถึงพระราชทรัพย์สินเครื่องประดับเพชรและอัญมณีจำนวนมากที่ประเมินค่าไม่ได้ ซึ่งทางผู้เชี่ยวชาญประเมินมูลค่าอยู่ที่ 533 ล้านปอนด์ ภาพเขียนจิตรกรดัง 400 ชิ้น รวมภาพวาดโดยจิตรกรเอกของโลกชาวฝรั่งเศส โกลด์ มอแนรถยนต์ค่ายหรูชื่อดัง เป็นต้นว่า โรลส์รอยซ์ เบนท์ลีย์ และจากัวร์ รวมถึงม้าแข่งตกมูลค่า 27 ล้านปอนด์ และแสตมป์สะสมของราชวงศ์อังกฤษที่หายากมูลค่า 100 ล้านปอนด์ และทรัพย์สินที่อึมครึมในด้านการลงทุนที่มีการถือหุ้นรวมอยู่
การตรวจสอบมีการค้นพบเป็นต้นว่า พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ที่รู้กันว่ามีพระราชวังและปราสาทมากมายนั้น แต่ในความเป็นจริงพระราชวังบักกิงแฮม พระราชวังเคนซิงตันนั้นล้วนแต่เป็นของทรัพย์สินของสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์อังกฤษ เดอะการ์เดียนชี้
พระองค์ทรงได้รับพระราชทานจากพระราชมารดาให้เป็นทรัพย์สินส่วนพระองค์ ได้แก่ปราสาท 1 แห่ง และพระตำหนัก 1 แห่งที่ตั้งอยู่ห่างไกล คือปราสาทบาลมอราล (BALMORAL) ในสกอตแลนด์ ซึ่งเป็นที่พระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ทรงสิ้นพระชนม์ที่นี่เมื่อเดือนกันยายนปีที่ผ่านา
เดอะการ์เดียนประเมินว่า ปราสาทบาลมอราลตกอยู่ที่ 80 ล้านปอนด์
ปราสาทแห่งนี้ถูกซื้อไว้เมื่อปี 1852 โดยพระราชสวามีแห่งพระราชินีนาถวิกตอเรีย เจ้าชายอัลเบิร์ต
ส่วนอีกแห่งคือ ตำหนักซานดริงแฮม (SANDRINGHAM) ในนอร์ฟอล์กที่ถูกซื้อเป็นครั้งแรกเมื่อปี 1862 โดยพระราชินีนาถวิกตอเรีย เพื่อพระราชทานแด่พระราชโอรสของพระองค์
เดอะการ์เดียนประเมินว่าตกอยู่ที่ 250 ล้านปอนด์
ราชวงศ์อังกฤษได้เปิดให้สาธารณะสามารถเข้าชมตำหนักซานดริงแฮมได้ โดยเก็บบัตรผ่านที่ 23 ปอนด์ต่อคน จากการที่ผู้เชี่ยวชาญของเดอะการ์เดียนประเมินว่า ตำหนักซานดริงแฮมมีราคาไม่ต่ำกว่า 250 ล้านปอนด์ และส่งผลทำให้ที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ในสกอตแลนด์และอังกฤษของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ตกอยู่ที่ 330 ล้านปอนด์
เป็นที่ชัดเจนในเวลานี้ว่า พระมหากษัตริย์อังกฤษพระองค์ใหม่ทรงไม่ต้องชำระภาษีมรดกที่พระองค์ได้รับพระราชทานทั้งปราสาทบาลมอรัล และพระตำหนักซานดริงแฮม เป็นผลมาจากข้อตกลงปี 1993 ที่สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 พระราชมารดาที่ทรงได้ตกลงร่วมกับรัฐบาลอังกฤษ พรรคคอนเซอร์เวทีฟ จอห์น เมเจอร์ ในสมัยนั้น
ภายใต้ข้อตกลงพบว่า พระราชินีทรงตกลงยอมที่จะชำระภาษีในรายได้ส่วนพระองค์ แต่อดีตนายกฯ อังกฤษ ยินยอมให้การส่งมอบมรดกระหว่างพระเจ้าแผ่นดินพระองค์เก่าไปสู่พระองค์ใหม่นั้นไม่ต้องมีการเสียภาษีมรดก และส่งผลเป็นช่องทางทำให้ราชวงศ์วินด์เซอร์ได้ส่งต่อมอบความมั่งคั่งทั้งหมดของราชวงศ์ผ่านไปยังรัชทายาท เดอะการ์เดียนตั้งข้อสังเกต
การสิ้นพระชนม์ของพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ทำให้มีประชาชนชาวอังกฤษจำนวนมากขึ้นออกมาถกเถียงในเรื่องพระเจ้าแผ่นดินต้องเสียภาษีมรดก
ผู้อำนวยการบริหารความยุติธรรมทางภาษี (Tax Justice) โรเบิร์ต พาลเมอร์ (Robert Palmer) กล่าวแสดงความเห็นกับเดลีเมลว่า
“มันเป็นความคิดที่สะสมเพิ่มขึ้นที่ว่ากษัตริย์จะไม่ต้องจ่ายภาษีมรดกในทรัพย์สินที่พระองค์ได้รับพระราชทานมาจากพระราชมารดาของพระองค์เอง พระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 “
และเสริมต่อว่า “โพลสำรวจของเราในปีที่ผ่านมาพบว่า 63% ของสาธารณะมีความคิดเห็นว่า พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 สมควรต้องจ่ายภาษีมรดก”
ตามข้อตกลงปี 1993 มีขึ้นเพื่อป้องกันไม่ให้ทรัพย์สินราชวงศ์อังกฤษต้องสูญหาย แต่ทว่าข้อตกลงนี้ยังคงเป็นที่ถกเถียงถึงความยุติธรรมเมื่อเทียบกับการปฏิบัติต่อพลเมืองอังกฤษทั่วไป
ทั้งนี้ อดีตรัฐมนตรีพรรคลิเบอรัล เดโมแครต นอร์แมน เบเกอร์ (Norman Baker) ซึ่งเคยมีผลงานหนังสือวิจารณ์การเงินของราชวงศ์อังกฤษมาแล้วได้ให้สัมภาษณ์กับเดลีเมล และกล่าวในตอนหนึ่งมีใจความว่า
“การทดสอบที่แท้จริงเกิดขึ้นเพื่อดูว่าพระองค์นั้นทรงตระเตรียมสำหรับการจ่ายภาษีเหมือนเช่นคนอื่นๆ ในประเทศที่ได้กระทำหรือไม่”
และกล่าวต่อว่า “พระองค์สามารถเริ่มต้นด้วยการจ่ายภาษีมรดกสำหรับร่วมหลายล้านปอนด์ที่ได้รับพระราชทานทรัพย์สินส่วนพระองค์จากพระราชินี”
เดอะการ์เดียนรายงานว่า มีการค้นพบว่านับตั้งแต่การสิ้นพระชนม์ของควีนเอลิซาเบธที่ 2 พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ทรงเริ่มต้นเปลี่ยนทรัพย์สินมรดกที่ได้รับเพื่อเพิ่มความมั่งคั่งของพระองค์เอง
พบว่าพระองค์ทรงขายม้าแข่งผ่านงานการประมูลและได้ไปในมูลค่า 2.3 ล้านปอนด์ และในการประมูลยังรวมไปถึงของขวัญจากอีมีร์แห่งดูไบ และ Aga Khan ที่ถวายแด่ควีน แต่ทางพระราชสำนักกลับปัดว่า ของเหล่านี้เป็นของขวัญให้เป็นการส่วนพระองค์มากกว่าเป็นของกำนัลต่อรัฐ
พระราชวังบักกิงแฮมปฏิเสธที่จะให้ความเห็นใดๆ ในเรื่องทรัพย์สินส่วนพระองค์ รวมไปถึงโฆษกบักกิงแฮมออกมาตำหนิการประเมินทรัพย์สินส่วนพระองค์ของเดอะการ์เดียน
เดลีเมลรายงานว่า ประเมินก่อนหน้าพบว่าราชวงศ์อังกฤษมีความมั่งคั่งรวมอยู่ที่ 24 พันล้านปอนด์ แต่เป็นตัวเลขที่รวมไปถึงพระราชวังบักกิงแฮม