ความขัดแย้งที่กำลังเกิดขึ้นระหว่างรัสเซียและยูเครน สามารถหลีกเลี่ยงได้โดยสิ้นเชิง หากว่าเยอรมนีไม่พยายามเตะถ่วงการเข้าเป็นสมาชิกนาโตของเคียฟ ความเห็นของปิโอเตอร์ วาร์ซีค รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงต่างประเทศของโปแลนด์
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงต่างประเทศโปแลนด์กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ (23 เม.ย.) ว่า "เป็นที่รู้กันว่าฝรั่งเศส เยอรมนี และประเทศต่างๆ ในยุโรปตะวันตกโดยทั่วไปคัดค้านมาตลอดต่อการที่ยูเครนจะเข้าร่วมทั้งอียูและนาโต"
ความเห็นเมื่อเร็วๆ นี้ของบอริส พิสโตริอุส รัฐมนตรีกลาโหมเยอรมนี เป็นสัญญาณว่าท่าทีของเบอร์ลินไม่น่าจะเปลี่ยนไป รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงต่างประเทศโปแลนด์ระบุ
พิสโตริอุส บ่งชี้เมื่อวันพฤหัสบดี (20 เม.ย.) ว่า "ยังไม่ถึงเวลาตัดสินใจ" เกี่ยวกับการอ้าแขนรับยูเครนเข้าเป็นสมาชิกนาโต พร้อมระบุบรรดารัฐสมาชิกพันธมิตรทหารแห่งนี้ควรพิจารณาประเด็นดังกล่าวด้วยความใจเย็นและด้วยความเป็นมิตรไมตรี ไม่มีหนทางอื่น"
ในเรื่องนี้ วาร์ซีค ตอบโต้ว่า "คำถามคือเมื่อไหร่ที่เวลาแห่งความใจเย็นเหล่านี้จะมาถึง? 5 ปี 10 ปี หรือ 30 ปี หลังจากสงคราม (ในยูเครน)" เขากล่าว "หากเยอรมนีไม่พยายามเตะถ่วงการเข้าร่วมนาโตของยูเครน ถ้ายูเครนได้รับคำเชิญเข้าร่วมพันธมิตรทหารแห่งนี้เมื่อหลายปีก่อนในมิวนิก มันคงจะไม่มีสงครามในยูเครนในวันนี้" เขากล่าวอ้าง
วอร์ซอ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนหลักของเคียฟในอียู ระหว่างความขัดแย้งกับรัสเซีย "พยายามโน้มน้าวพันธมิตรตะวันตกอย่างไม่หยุดหย่อนให้เปลี่ยนความคิดและให้อ้าแขนรับยูเครนเข้าร่วมพันธมิตรเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้" รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงต่างประเทศโปแลนด์กล่าว "ในความเห็นของเรา มันดีว่าหากเรื่องนี้เกิดขึ้นในเร็ววันนี้ เพราะว่ามันจะรับประกันความมั่นคง ไม่ใช่แค่กับยูเครนและโปแลนด์ แต่ยังรวมไปถึงทั่วภูมิภาค"
รัสเซียซึ่งมองว่าการขายอาณาเขตมาทางทิศตะวันออกของนาโตเป็นภัยคุกคามความมั่นคงใหญ่หลวง ได้หยิบยกถึงความจำเป็นต้องขัดขวางยูเครนเข้าร่วมพันธมิตรทหารนาโตที่นำโดยสหรัฐฯ เป็นเหตุผลหลักสำหรับปฏิบัติการทางทหารของพวกเขาในยูเครน ที่เริ่มเปิดฉากเมื่อกว่า 1 ปีก่อน
เยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการนาโตอ้างระหว่างเดินทางเยือนเคียฟเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ว่าพันธมิตรนาโตทั้งหมดเห็นพ้องว่ายูเครนจะกลายมาเป็นรัฐสมาชิก แต่ไม่ได้เจาะจงอย่างชัดเจนว่ามันจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่
ดมิทรี เปสคอฟ เลขานุการฝ่ายสื่อสารมวลชนของวังเครมลิน ตอบสนองต่อคำแถลงของสโตลเทนเบิร์ก โดยบอกว่า "การที่นาโตยังคงอยู่บนเส้นทางความหมกมุ่นลากยูเครนเข้าร่วมกลุ่ม เป็นข้อพิสูจน์เพิ่มเติมว่าการตัดสินใจเปิดปฏิบัติการทางทหารของรัสเซีย เป็นสิ่งที่ถูกต้อง"
(ที่มา : อาร์ทีนิวส์)