เอเจนซีส์/รอยเตอร์ - เป็นที่ฮือฮาเมื่อมีการเปิดเผยปฏิบัติการช่วยนักการทูตอังกฤษออกจากซูดานอย่างเร่งด่วน พบนายกรัฐมนตรีอังกฤษ ส่งหน่วยรบพิเศษเข้ากรุงคาร์ทูม อาศัยความมืดให้เป็นประโยชน์ก่อนขับรถดิ่งตรงเข้าสถานทูตอังกฤษ นำเจ้าหน้าที่การทูตกลับออกมาใช้เวลาเบ็ดเสร็จราว 1 ชั่วโมงครึ่ง ท่ามกลางความวิตกชาวซูดานที่ยังคงติดอยู่ระหว่างสงครามกลางสู้รบสมรภูมิเลือด
สกายนิวส์รายงานวานนี้ (23 เม.ย.) ว่า ปฏิบัติการอพยพเหล่านักการทูตอังกฤษออกมาจากกรุงคาร์ทูม เกิดขึ้นเมื่อช่วงคืนดึกวันเสาร์ (22) ซึ่งเป็นการส่งหน่วยรบพิเศษอังกฤษขึ้นเครื่องบินรบสหรัฐฯ เข้าซูดานเพื่อเริ่มปฏิบัติการอพยพ
นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ริชี ซูแน็ก กล่าวในวันอาทิตย์ (23) โดยชี้ว่า เป็นการแสดงความขอบคุณต่อปฏิบัติการอพยพที่ “สลับซับซ่อนและรวดเร็ว” รอยเตอร์รายงานวันอาทิตย์ (23)
“ผมแสดงปวารณาต่อข้อผูกพันของนักการทูตของพวกเรา และความกล้าหาญของเจ้าหน้าที่ทหารที่ออกปฏิบัติยากลำบาก” ซูแน็ก กล่าวผ่านทางทวิตเตอร์
และเสริมต่อว่า “ผมยังคงดำเนินไปทุกช่องทางเพื่อยุติความขัดแย้งนองเลือดให้เพื่อให้แน่ใจถึงความปลอดภัยของพลเมืองอังกฤษที่ยังคงอยู่ในประเทศ”
ขณะที่รัฐมนตรีกลาโหมอังกฤษ เบน วอลเลซ เปิดเผยว่า ทหารอังกฤษออกปฏิบัติการอพยพร่วมกับสหรัฐฯ ฝรั่งเศส และชาติอื่นๆ พร้อมเปิดเผยว่ามีการใช้ทหารไม่ต่ำกว่า 1,200 นาย เข้าร่วมปฏิบัติการ
อย่างไรก็ตาม การอพยพออกยังคงไม่รวมไปถึงพลเมืองอังกฤษ รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ เจมส์ เคลฟเวอร์ลี (James Cleverly) กล่าวว่า ขอให้พลเมืองอังกฤษในซูดานหลบอยู่ในที่พักและแจ้งให้กระทรวงต่างประเทศอังกฤษให้ทราบถึงที่อยู่ของคนเหล่านั้น
หนึ่งในพลเมืองอังกฤษให้ชื่อเพียง “วิลเลียม” เปิดเผยกับสกายนิวส์ว่า เขาไม่เคยได้ยินจากกระทรวงต่างประเทศอังกฤษแม้แต่น้อย และต้องการทราบว่า “เครื่องบิน” ที่เตรียมการสำหรับอพยพชาวอังกฤษออก
พร้อมยอมรับว่า ไม่มีความเป็นไปได้ที่พลเมืองอังกฤษจะผ่านจุดตรวจในซูดานก่อนขับรถไกลหลายร้อยไมล์ไปที่ชายแดนเพื่อหลบหนีออกไปประเทศเพื่อนบ้าน
สกายนิวส์รายงานต่อว่า ปฏิบัติการอพยพเกิดขึ้นเมื่อกองกำลังหน่วยรบพิเศษอังกฤษกระโดดลงจากเครื่องบินทหารอเมริกันที่กรุงคาร์ทูมเมื่อคืนดึกของวันเสาร์ (22)
ซึ่งเป็นคำสั่งอพยพฉุกเฉินเจ้าหน้าที่การทูตอังกฤษหลายสิบคน และครอบครัว รวมไปถึงเจ้าหน้าที่อื่นอีกราวหยิบมือจากชาติอื่นๆ ที่อังกฤษเสนอให้การช่วยเหลือ
หน่วยกำลังรบพิเศษอังกฤษหลังออกมาจากเครื่องตรงเข้าขับรถจำนวนหนึ่งที่ถูกจอดเตรียมพร้อม ก่อนกองกำลังทั้งหมดจะอาศัยความมืดปกคลุมขับดิ่งตรงไปยังพิกัดสถานทูตอังกฤษประจำกรุงคาร์ทูมในทันที
ทั้งนี้ พบว่ากองกำลังรบพิเศษอังกฤษรับตัวทั้งหมด 30 คน รวมเด็กที่รอคอยในจุดเดียวกัน พบว่ามีการประเมินสถานการณ์จากภาคพื้นเพื่อประเมินว่า จำเป็นต้องเรียกกำลังเสริมหรือไม่ท่ามกลางการสู้รบอย่างดุเดือด
ซึ่งนี่ถือเป็นขาแรกของปฏิบัติการ เครื่องบินลำเลียงกองทัพอังกฤษ 2 ลำ C-130 Hercules และ A400M Airbus บินออกมาจากฐานทัพกองทัพอากาศอังกฤษ RAF Akrotiri ในไซปรัส
เครื่องบินออกปฏิบัติการอังกฤษในความร่วมมือกับกองทัพฝรั่งเศสและกองทัพสหรัฐฯ ที่ได้รับอนุญาตจากกองทัพซูดานซึ่งในวันเสาร์ (22) ทั้งกองทัพซูดานและกองกำลังตอบโต้เร็ว RSF ซึ่งเป็นคู่อริและก่อสงครามกลางเมืองขึ้นมาตั้งแต่วันที่ 15 เม.ย.และทำให้คนตายไปแล้วร่วม 420 คนยอมตกลงร่วมกันให้ต่างชาติอพยพเจ้าหน้าที่การทูตของตัวเองออกไป โดยซาอุดีอาระเบียเป็นชาติแรกที่ประสบความสำเร็จและตามมาด้วยสหรัฐฯ และอังกฤษ
โดยของสหรัฐฯ ที่ถูกเรียกขานว่า เป็น “ปฏิบัติการที่รวดเร็วและหมดจด” ใช้เฮลิคอปเตอร์ชีนุก MH-47 อพยพออกไปได้สำเร็จเกือบ 100 คน และใช้เวลาเพียงแค่ 1 ชั่วโมงเท่านั้น อ้างอิงจากอัลญะซีเราะฮ์ สื่อกาตาร์ รายงานวันอาทิตย์ (23)
รอยเตอร์รายงานเพิ่มเติมว่า ปฏิบัติการอพยพขนเจ้าหน้าที่การทูตสหรัฐฯ นั้นเกิดขึ้นเมื่อเวลา 15.00 น. ของวันเสาร์ (22) เมื่อเครื่องบินสหรัฐฯ รวมถึงเฮลิคอปเตอร์ชีนุก MH-47 Chinook จำนวน 3 ลำ บินออกไปจากฐานทัพสหรัฐฯ ในติบูจี แวะจอดที่เอธิโอเปียเพื่อเติมน้ำมัน ก่อนใช้เวลาบินนาน 3 ชั่วโมงเข้ากรุงคาร์ทูม
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เปิดเผยว่า ตั้งแต่เข้าสู่ซูดานและบินออกกลับออกไปนั้นใช้เวลาปฏิบัติการเบ็ดเสร็จแค่ 1 ชั่วโมงเท่านั้น รอยเตอร์รายงาน
สำหรับปฏิบัติการอพยพของอังกฤษ สกายนิวส์กล่าวว่า เครื่องบินออกปฏิบัติการอังกฤษร่อนลงจอดที่สนามบินวาดี ซิดนา (Wadi Seidna) ห่างจากกรุงคาร์ทูมออกไปทางเหนือราว 30 กิโลเมตรเมื่อเวลาตีหนึ่งของเช้าวันอาทิตย์ (23) ตามเวลาอังกฤษ
ซึ่งเป็นการใช้เวลา 1 ชั่วโมงครึ่งในปฏิบัติการหลังเครื่องบินทหารสหรัฐฯ นำทีมหน่วยรบพิเศษอังกฤษร่อนลงจอดที่กรุงคาร์ทูม
ทั้งนี้ ทีมหน่วยรบพิเศษอังกฤษนำกลุ่มเจ้าหน้าที่การทูตอังกฤษและครอบครัวมาที่สนามบินที่เครื่องบินลำเลียงอังกฤษจอดรอผ่านจุดตรวจมากมายตามรายทาง