จีนปรับแก้นโยบายด้านการเกณฑ์ทหารเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ประกาศว่าคนที่มีประสบการณ์ด้านการทหาร เช่นเดียวกับบรรดานักศึกษามหาวิทยาลัยจะอยู่ในรายชื่อถูกเกณฑ์เข้าร่วมกองทัพในลำดับต้นๆ หากประเทศเข้าสู่สงคราม
การปรับแก้ดังกล่าว ซึ่งตระเตรียมโดยคณะมนตรีรัฐกิจสาธารณรัฐประชาชนจีนและคณะกรรมการทหารกลาง มีเป้าหมายคือรับประกันว่ากองทัพจะมีกองกำลังป้องกันชาติที่แข็งแกร่งและสร้างกองกำลังที่มีความเข้มแข็ง" รัฐบาลปักกิ่งระบุเมื่อช่วงกลางสัปดาห์ที่แล้ว
กฎเกณฑ์ใหม่นี้ ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคมเป็นต้นไป จะช่วยให้กองกำลังปลดแอกประชาชนจีน (PLA) เกณฑ์ทหารที่มีขีดความสามารถสูงกว่าเดิม และเป็นการปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบการเกณฑ์ทหาร ถ้อยแถลงระบุ
หนังสือพิมพ์พีแอลเอ เดลี สื่อของกองทัพจีน เน้นว่าเป้าหมายการเกณฑ์บุคคลที่มีประสบการณ์ด้านการทหารที่มีความสามารถสูง จะช่วยให้กองทัพสามารถพัฒนาศักยภาพการสู้รบได้อย่างรวดเร็วในกรณีที่เกิดความขัดแย้ง
ส่วน ซ่ง จงผิง (Song Zhongping) ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารจีน ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์โกลบอลไทม์ส ว่า การเกณฑ์นักศึกษามหาวิทยาลัยที่มีความรู้จะช่วยปรับปรุงคุณภาพโดยรวมของกองทัพปลดแอกประชาชนจีน และอำนวยความสะดวกในการเปลี่ยนผ่านสู่ "กองกำลังมืออาชีพ"
หนังสือพิมพ์พีแอลเอ เน้นย้ำว่าแนวทางดังกล่าวเป็นไปตามกรอบเป้าหมาย "เร่งการขับเคลื่อนด้วยเครื่องกล ยกระดับด้านข้อมูลและข่าวกรอง" ของกองทัพจีน ขณะที่ผู้บัญชาการรายหนึ่งให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนแห่งนี้ว่า กองทัพมีความสนใจในนักศึกษาชายและนักศึกษาหญิง หรือกระทั่งคนที่จบการศึกษาแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มบุคคลที่มีภูมิหลังในทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมและคณิตศาสตร์
จีนเป็นชาติทีมีกองทัพขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ประกอบด้วยบุคลากรมากกว่า 2 ล้านนาย และปัจจุบันพวกเขากำลังเดินหน้าปรับปรุงกองทัพให้มีความทันสมัย โดยมีแผนดำเนินการแล้วเสร็จภายในปี 2035
ความเคลื่อนไหวแก้ไขกฎระเบียบการเกณฑ์ทหาร มีขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดขั้นสูงระหว่างปักกิ่งและวอชิงตัน ตามหลังสหรัฐฯ ยิงยานบินปริศนาตกในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งพวกเขากล่าวอ้างว่าเป็น "บอลลูนสอดแนม" ของจีน รวมถึงกรณีประธานาธิบดีไช่ อิงเหวิน ของไต้หวัน พบปะพุดคุยกับ เควิน แมคคาร์ธี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ในแคลิฟอร์เนีย เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา
จีนตอบโต้การเดินทางเยือนสหรัฐฯ ของไช่ ด้วยการซ้อมรบครั้งใหญ่รอบไต้หวัน จำลองสถานการณ์ปิดล้อมเกาะแห่งนี้
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เคยพูดหลายต่อหลายครั้งว่า สหรัฐฯ จะปกป้องกองทัพไต้หวัน หากว่าจีนตัดสินใจใช้กำลังเข้ายึดเกาะปกครองตนเองตามระบอบประชาธิปไตยแห่งนี้ ขณะที่เมื่อช่วงต้นปี สื่อมวลชนหลายสำนักได้มาซึ่งบันทึกภายในของ พลอากาศเอกไมค์ มินิแฮน ผู้บัญชาการกองบัญชาการทางอากาศของสหรัฐฯ ที่คาดการณ์ว่าวอชิงตันและปักกิ่งอาจเข้าสู่สงครามระหว่างกันอย่างเร็วที่สุดในปี 2025
(ที่มา : อาร์ทีนิวส์)