ราคาน้ำมันขยับลง 1 ดอลลาร์ในวันพฤหัสบดี (13 เม.ย.) รายงานโอเปกก่อความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์ทางพลังงานและแรงขายทำกำไร หลังแตะระดับสูงสุดในรอบหลายเดือน ส่วนวอลล์สตรีทปิดบวก คาดเฟดใกล้ยุติวงจรปรับขึ้นดอกเบี้ยแล้ว ขณะที่ทองคำแตะปิดสูงสุดเป็นลำดับ 2 ของสถิติสูงสุดตลอดกาล
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม ลดลง 1.10 ดอลลาร์ ปิดที่ 82.16 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน ลดลง 1.24 ดอลลาร์ ปิดที่ 86.09 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ความเคลื่อนไหวของตลาดน้ำมัน ส่วนหนึ่งเกิดจากแรงขายทำกำไรของนักลงทุน หลังจากพุ่งขึ้นถึง 2% ในวันพุธ (12 เม.ย.) แตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 เดือน หลังข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐฯ กระพือความหวังว่าธนาคารกลางอเมริกา (เฟด) จะหยุดปรับขึ้นดอกเบี้ย
โอเปก กลบกระแสความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงทางลบที่มีต่ออุปสงค์ทางพลังงานในช่วงฤดูร้อน ในรายงานประจำเดือนที่เผยแพร่ในวันพฤหัสบดี (13 เม.ย.) โดยเน้นย้ำคลังสำรองที่เพิ่มขึ้นและความท้าทายต่างๆ ที่มีต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ
รายงานดังกล่าวเป็นการเปิดเผยถึงเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังการตัดสินใจลดกำลังผลิตอย่างน่าประหลาดใจของโอเปกพลัส ซึ่งประกอบด้วยโอเปกและพันธมิตรอย่างรัสเซีย ในช่วงต้นเดือน
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันพฤหัสบดี (13 เม.ย.) ปิดบวกอย่างแข็งแกร่ง หลังข้อมูลทางเศรษฐกิจแสดงให้เห็นถึงเงินเฟ้ออ่อนตัวลงและตลาดแรงงานคลายตัว ก่อมุมมองในแง่บวกว่าเฟดใกล้ยุติวงจรการปรับขึ้นดอกเบี้ยเชิงรุกแล้ว
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 383.19 จุด (0.14 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 34,029.69 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 54.27 จุด (1.33 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,146.22 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 236.93 จุด (1.99 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 12,166.27 จุด
กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยดัชนี PPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิตประจำเดือนมีนาคม โดยดัชนี PPI ทั่วไป ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 2.7% ในเดือนมีนาคม เมื่อเทียบรายปี โดยชะลอตัวจากระดับ 4.9% ในเดือนกุมภาพันธ์
นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานยังเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 239,000 รายในสัปดาห์ที่แล้วซึ่งสิ้นสุดวันที่ 8 เมษายน เพิ่มขึ้นจากระดับ 228,000 รายในสัปดาห์ก่อนหน้า ซึ่งปรับตัวขึ้นสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 232,000 ราย อันเป็นสัญญาณว่าตลาดแรงงานเริ่มคลายตัว
ข้อมูลทั้ง 2 ส่งสัญญาณว่ามาตรการปรับขึ้นดอกเบี้ยเชิงรุกของเฟด ซึ่งเริ่มต้นมาตั้งแต่เมื่อกว่า 1 ปีก่อน กำลังได้ผลตามที่ตั้งใจ
ตัวเลขดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกมาตามหลังรายงานดัชนีราคาผู้บริโภคเมื่อวันพุธ (12 เม.ย.) ซึ่งตอกย้ำถึงความเป็นไปได้ของการปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกแค่ 0.25% ในช่วงท้ายของการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในเดือนหน้า
ส่วนราคาทองคำในวันพฤหัสบดี (13 เม.ย.) แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ลำดับที่ 2 หลังดอลลาร์อ่อนค่าลงต่ำที่สุดในรอบ 2 เดือน โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน เพิ่มขึ้น 30.40 ดอลลาร์ ปิดที่ 2,055.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์
(ที่มา : รอยเตอร์)