xs
xsm
sm
md
lg

งานเข้า! “มาครง” อ่วมโดนแฉสั่งเซ็นเซอร์ “โพลิติโก” ลบความเห็นประเด็น “ไต้หวัน” อเมริกาเช็กบิล “ส.ว.รีพับลิกัน” เข้าไทเปเดือดจัดจวก “ฝรั่งเศสต้องล้างตาดูภัยคุกคามนี้ให้ชัด”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เอเจนซีส์ - ผู้นำฝรั่งเศส เอ็มมานูเอล มาครง ระหว่างกำลังเยือนเนเธอร์แลนด์ 3 วัน โดนเช็กบิลไม่เลิกทั่วทั้ง 2 ฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก พบโพลิติโกถูกสั่งให้ลบความเห็นวาทะร้อนประเด็นไต้หวัน กองบรรณาธิการยืนยันต้องทำตามทำเนียบปาแลเดอเลลีเซ ละเมิดสื่อชัด วาทะยุโรปไม่ควรเต้นตามจังหวะของอเมริกาลอยข้ามไปถึงสหรัฐฯ เป็นที่เรียบร้อย ส.ว. ท็อดด์ ยัง จากพรรครีพับลิกันเคยบินเข้าไต้หวันเมื่อมกราคมต้นปีว่า ความเห็นของมาครงไร้หัวใจ คอมมิวนิสต์เป็นความคุกคามต่อชีวิตตะวันตก ฝรั่งเศสต้องล้างตาดูภัยคุกคามนี้ให้ชัด

เดลีเทเลกราฟ สื่ออังกฤษรายงานวานนี้ (10 เม.ย.) ว่า กลายเป็นเรื่องอื้อฉาวด้านเสรีภาพสื่อขึ้นมาเมื่อพบว่ามีการเซ็นเซอร์ข่าวลงเว็บไซต์โพลิติโกชื่อดัง รวมไปถึง Les Echos และ France Inter โดยทำเนียบฝรั่งเศสปาแลเดอเลลีเซ เกี่ยวกับการแสดงความเห็นของประธานาธิบดี เอ็มมานุแอล มาครง ที่มีอย่างตรงไปตรงมาเกี่ยวกับไต้หวันและความสัมพันธ์ระหว่าง “ยุโรป” และ “สหรัฐฯ”

แหล่งข่าวยืนยันในเรื่องนี้กับเดลีเทเลกราฟว่า การเซ็นเซอร์ครั้งนี้เกิดขึ้นใน 3 สำนักข่าวนี้ที่นักข่าวจากสำนักเหล่านี้สัมภาษณ์มาครงบนเครื่องโคตาม ยูนิเต (Cotam Unité) หรือเครื่องบินแอร์ฟอร์ซวันฝรั่งเศส ระหว่างเดินทางจากกรุงปักกิ่งไปเมืองกว่างโจว มณฑล กวางตุ้ง

ซึ่งการตีพิมพ์วันอาทิตย์ (9) ผู้นำฝรั่งเศสให้สัมภาษณ์กับโพลิติโกในวันเสาร์ (8) ว่า ประชาชาติยุโรปต้องแข็งแกร่งในการหลีกเลี่ยงในการเข้ายุ่งในวิกฤตที่ไม่ใช่ของเรา และอีกทั้งต้องเร่งเสริมสร้างอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของยุโรปให้แข็งแกร่ง “และหากว่าความตึงเครียดระหว่าง 2 ชาติมหาอำนาจร้อนขึ้นมา... พวกเราจะไม่มีเวลาหรือทรัพยากรที่จะให้เงินสนับสนุนแนวคิด “อำนาจเหนือตนเองเชิงยุทธศาสตร์” (strategic autonomy) ของพวกเรา (แต่) พวกเราจะกลายเป็นม้ารับใช้ไป”

โดยในการตีพิมพ์คำให้สัมภาษณ์วันอาทิตย์ (9) มาครงกล่าวพาดพิงถึงการที่ยุโรปสมควรเลิกทำตัวเป็นลูกไล่สหรัฐฯ และในตอนท้ายของบทความ โพลิติโกกล่าวชี้แจงว่า เป็นธรรมเนียมในฝรั่งเศสและในประเทศอื่นๆ ในยุโรปที่ทำเนียบปาแลเดอเลลีเซจะยอมตกลงให้สัมภาษณ์ก็ต่อเมื่อนักข่าวยอมตกลงสำหรับ “การเช็ก” และ “การตรวจทานการอ่าน” ของทุกถ้อยความของประธานาธิบดีฝรั่งเศสที่จะตีพิมพ์

ทั้งนี้ การตรวจทานคำอ่าน หรือ relu et corrigé เป็นหลักปฏิบัติของสื่อแดนน้ำหอมที่ต้องอ่านทวนซ้ำและแก้ไขให้ถูกต้อง ซึ่งหนังสือพิมพ์ธุรกิจแดนน้ำหอมชื่อดัง Les Echos ที่ร่วมสัมภาษณ์ผู้นำฝรั่งเศสบนเครื่องบินได้ลงคำสัมภาษณ์ที่ดูเหมือนเป็นฉบับเต็ม พบว่า มาครงกล่าวว่า “พวกเรายุโรปจำเป็นต้องตื่น และสิ่งแรกสุดคือการไม่ปรับตัวต่อนโยบายของคนอื่นในทุกภูมิภาคทั่วโลก”

ทั้งนี้ โพลิติโกในวันจันทร์ (10) กล่าวว่า ความเห็นของประธานาธิบดีฝรั่งเศสในเรื่อง strategic autonomy นั้นขัดแย้งกับของสหรัฐฯ ภายใต้ประธานาธิบดี โจ ไบเดน

มาครงเชื่อมั่นว่า เหล่าบรรดาประเทศในยุโรปสมควรใช้แนวคิดนี้ (อำนาจเหนือตัวเองทางยุทธศาสตร์) ต่อประเด็นเศรษฐศาสตร์และปัญหายุทธศาสตร์เชิงภูมิศาสตร์ให้ออกห่างจากนโยบายต่างประเทศสหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นสิ่งที่แปลกประหลาดเพราะผู้นำสหรัฐฯ กลับพยายามสร้างแนวหน้าร่วมกับเพื่อนพ้องและพันธมิตร..รวมไปถึงประเทศต่างๆ ในสหภาพยุโรปเพื่อให้ภัยคุกคามที่มาจาก จีน และ รัสเซีย ให้ออกห่างไกลภายใต้สิ่งที่รัฐบาลไบเดนเรียกว่า "กฎเกณฑ์ระหว่างประเทศ" (rules-based international order)

เดลีเทเลกราฟรายงานว่า โพลิติโกกล่าวว่า “นี่ถือเป็นการละเมิดนโยบายทางบรรณาธิการของสื่ออย่างเห็นได้ชัด" แต่ย้ำว่าทางสำนักพิมพ์ยอมตกลงเพื่อที่นักข่าวจะมีโอกาสได้ถามตรงกับประธานาธิบดีแห่งฝรั่งเศส

โพลิติโกกล่าวว่า ทางสื่อปฏิเสธที่จะตีพิมพ์ถ้อยคำใดๆ ที่ประธานาธิดีฝรั่งเศสไม่ได้พูด แต่ในทางเดียวกัน สื่อชื่อดังยอมรับว่ามีบางส่วนของการสัมภาษณ์ถูกตัดทอนโดยทำเนียบฝรั่งเศส เป็นเนื้อหาในส่วนการแสดงความเห็นของมาครง ที่ตรงไปตรงมาและร้อนแรงมากเกี่ยวกับประเด็นไต้หวัน และแนวความคิดอำนาจเหนือตนเองเชิงยุทธศาสตร์ของยุโรปเพื่อคานกับสหรัฐฯ

ความเห็นนี้ทำให้ เอมิลี รอฮาลา (Emily Rauhala) บรรณาธิการบริหารหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ประจำกรุงบรัสเซลส์ถึงกับตั้งข้อสงสัยว่า มาครงพูดในสิ่งใดเกี่ยวกับไต้หวันที่เป็นเหตุผลทำให้โพลิติโกยอมตัดออกไป

วาทะไม่ยอมเต้นตามจังหวะอเมริกันนี้ทำฟ็อกซ์นิวส์ สื่อชื่อดังของสหรัฐฯ เดือด และได้วิจารณ์มาครงวันจันทร์ (10) ว่า ประธานาธิบดีฝรั่งเศส มาครงปฏิเสธในจังหวะของอเมริกา “ประเด็นไต้หวัน” แต่กลับยอมก้มหัวให้ความเป็นหนึ่งเดียวของปักกิ่งแทนหลังพบ “สี จิ้นผิง” สัปดาห์ที่เพิ่งผ่านมา

ฟ็อกซ์นิวส์ชี้ว่า มาครงต้องการใช้แนวคิดอำนาจเหนือตนเองทางยุทธศาสตร์เพื่อทำให้ “ฝรั่งเศส” กลายเป็นอำนาจขั้วที่ 3 ของโลกเทียบเท่าจีน สหรัฐฯ มากกว่าที่จะเป็นม้ารับใช้ให้ชาติอื่น

เกิดขึ้นท่ามกลางกองทัพจีนประกาศออกมาในวันจันทร์ (10) ว่า กองกำลังพร้อมที่จะต่อสู้หลังเสร็จสิ้นการฝึกซ้อมโจมตีไต้หวันแบบเสมือนจริง 3 วัน

โพลลิติโกรายงานวันจันทร์ (10) ว่า สมาชิกรัฐสภาคองเกรสสหรัฐฯ สายพรรครีพับลิกันหัวเสียจากวาทะมาครงประเด็นไต้หวัน โดย ส.ว. ท็อดด์ ยัง (Todd Young) สมาชิกคณะกิจการต่างประเทศประจำสภาสูงสหรัฐฯ ที่เคยนำทีมไปพบผู้นำไต้หวันถึงไทเปเมื่อวันที่ 17 ม.ค.ต้นปี เป็นการเดินทางเป็นเวลา 2 วัน ขณะที่ล่าสุด ส.ส. ไมเคิล แม็คคอล (Michael McCaul) ประธานคณะกรรมาธิการกิจการต่างประเทศสหรัฐฯ เป็นผู้นำทีมและเดินทางมาถึงกรุงไทเปในวันพฤหัสบดี (6) ตามเวลาท้องถิ่นไต้หวัน

และเกือบช่วงเวลาเดียวกันกับที่ประธานาธิบดี ไช่ อิงเหวิน พบกับประธานสภาสหรัฐฯ เควิน แม็คคาร์ธี และกลุ่มสมาชิกสภาคองเกรสสหรัฐฯ ของ ส.ส. แม็คคอล ยังรออยู่ในไต้หวันไปจนถึงวันเสาร์ (8) เพื่อพบกับไช่อย่างเป็นทางการในกรุงไทเป

ท็อดด์ ยังได้กล่าวแสดงความเห็นว่า จากวาทะนี้ดูเหมือนประธานาธิบดีฝรั่งเศสทรยศต่อไต้หวัน พร้อมยืนยันว่า 

“พรรคคอมมิวนิสต์จีนถือเป็นความท้าทายมากที่สุดต่อสังคมโลกตะวันตก ความมั่นคงทางเศรษฐกิจของพวกเรา และวิถีชีวิตของพวกเรา..ฝรั่งเศสต้องมองให้ชัดในภัยคุกคามนี้”

อย่างไรก็ตาม สถานทูตฝรั่งเศสได้กล่าวโทษประเด็นความเห็นของมาครงที่กลายเป็นเรื่องใหญ่โตว่า “เป็นการตีความเกินจริง” พร้อมกล่าวยืนยันว่า จุดยืนของฝรั่งเศสต่อไต้หวันยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งในปีที่ผ่านมา อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศส ฌอง-อีฟว์ เลอ ดริยอง (Jean-Yves Le Drian) ได้บรรยายถึงความมั่นคงไต้หวันว่าเป็นความสำคัญต่อเสถียรภาพของภูมิภาค และกล่าวว่า ฝรั่งเศสพร้อมที่จะกระทำเพื่อป้องกันการเกิดความขัดแย้งใดๆ


กำลังโหลดความคิดเห็น