เอพี/เอเจนซีส์ - ผู้พิพากษาศาลรัฐบาลกลางประจำรัฐเทกซัสวันศุกร์ (7 เม.ย.) ออกคำตัดสินสั่งยายุติการตั้งครรภ์ไมเฟพริสโตนเป็นอันตราย ขัดแย้งกับคำรับรององค์การอาหารและยาสหรัฐฯ FDA ที่ใช้เป็นยามาตรฐานมาตั้งแต่ปี 2000 ท่ามกลางอเมริกากำลังอยู่ในยุคมืดยุคสิทธิสตรี ผู้ว่ารัฐรัฐไอดาโฮสัปดาห์นี้ลงนามบังคับใช้กฎหมายห้ามช่วยเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะยุติการตั้งครรภ์ ส่วนร้านขายยาชื่อดังเลิกขายยายุติตั้งครรภ์ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ทำผู้ว่าการรัฐดินแดนเสรีภาพสีรุ้งเดือดจัดยกเลิกสัญญากับรัฐ
เอพีรายงานวานนี้ (8 เม.ย.) ว่า ทั้งนี้ผลกระทบจากคำตัดสินของผู้พิพากษาศาลแขวงรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ประจำรัฐเทกซัส แมทธิว เจ. แค็คสมาริค (Matthew J. Kacsmaryk) ยังไม่เป็นที่แน่ชัดเอพีชี้ แต่ทว่ายังไม่มีการบังคับใช้ออกมาในทันที
คำสั่งตัดสินวันศุกร์ (7) ให้ยาเม็ดไมเฟพริสโตน (Mifepristone) แบบรับประทานเพื่อยุติการตั้งครรภ์ส่วนใหญ่เป็นยาอันตรายนี้เกิดขึ้น 2 วันหลังผู้ว่าการรัฐไอดาโฮ แบรด ลิตเติล (Brad Little) ลงนามในกฎหมายห้ามผู้ใหญ่เป็นต้นว่า แพทย์ พยาบาล หรือเภสัชกรช่วยเด็กและเยาวชนที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะในการยุติการตั้งครรภ์โดยปราศจากการเห็นชอบจากพ่อและแม่ รวมไปถึงผู้ปกครอง
อย่างไรก็ตาม การยุติการตั้งครรภ์ยังคงเป็นเรื่องที่ถูกกฎหมายในรัฐเพื่อนบ้าน เช่น รัฐวอชิงตัน รัฐโอเรกอน รัฐเนวาดา และรัฐมอนทานา
CNBC ของสหรัฐฯ รายงานว่า ตามกฎหมายห้ามไม่ให้ผู้ใหญ่คนใดเข้าให้การช่วยเหลือเยาวชนสำหรับกระบวนการยุติการตั้งครรภ์หรือการได้ยาสำหรับยุติการตั้งครรภ์
ไอดาโอถือเป็นหนึ่งในรัฐที่มีความเข้มงวดในกฎหมายห้ามการทำแท้งมากที่สุดในสหรัฐฯ ในบรรดา 50 รัฐด้วยกัน ทางรัฐสั่งให้กระบวนการยุติการตั้งครรภ์ผิดกฎหมาย และแพทย์จะสามารถช่วยคนไข้สตรีเพื่อยุติการตั้งครรภ์ได้ก็ต่อเมื่อชีวิตตกอยู่ในอันตรายหรือเป็นเหยื่อถูกข่มขืน หรือการล่วงละเมิดจากคนภายในครอบครัว
รัฐโอไฮโอตกเป็นข่าวอื้อฉาวไปทั่วเมื่อเด็กหญิงวัย 10 ปี ถูกชายวัย 27 ปี ข่มขืนจนตั้งครรภ์ ต้องรอนแรมข้ามพรมแดนรัฐไปจนถึงรัฐอินเดียนาเพื่อเข้ารับกระบวนการทำแท้ง กลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตจนถึงขั้นประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากพรรคเดโมแครต โจ ไบเดน ออกปากถึงความโหดร้ายป่าเถื่อน
ทั้งนี้ แค็คสมาริค ที่ได้รับการแต่งตั้งในสมัยอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ พรรครีพับลิกัน โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า ชี้ให้ FDA ยังคงอนุญาตการใช้ยายุติการตั้งครรภ์ไมเฟพริสโตนแบบรับประทานขณะที่ยังคงมีการดำเนินคดีทางกฎหมายถึงความปลอดภัยและคำอนุญาตยายังคงอยู่
คำพิพากษา 67 หน้ากำหนดให้รัฐบาลสหรัฐฯ มีเวลา 7 วันในการยื่นอุทธรณ์ต่อคำตัดสิน
ตามคำสั่งพบว่าผู้พิพากษาแค็คสมาริคต้องการให้ให้มีการหยุดพักหรือรอต่อการอนุมัติยา
ทั้งนี้ เป็นที่เข้าใจว่าอัยการรัฐบาลสหรัฐฯ จะยื่นขออุทธรณ์อย่างรวดเร็ว เดอะการ์เดียนรายงานว่า ไบเดนได้ออกมาประกาศว่า เขาจะต่อสู้ต่อคำตัดสินของศาลแขวงรัฐบาลกลางในรัฐเทกซัสอย่างแน่นอนที่สุด ท่ามกลางการประสานเสียงไม่เห็นด้วยจากรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ สตรี กมลา แฮร์ริส ที่ยืนกรานว่าคำสั่งของแค็คสมาริคนั้นเป็นการคุกคามต่อสิทธิผู้หญิงอเมริกันทั่วประเทศเกี่ยวกับเสรีภาพพวกเธอในการตัดสินใจต่อร่างกายของตัวเอง และความสามารถในการเข้าถึงยารักษาโรคของตัวเองที่สั่งจ่ายโดยแพทย์