เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ผู้นำฟิลิปปินส์ ประกาศยุติความร่วมมือทุกรูปแบบกับศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) หลังถูกปฏิเสธคำร้องให้ยุติการสอบสวน “สงครามยาเสพติด” ที่เป็นนโยบายซิกเนเจอร์ของอดีตประธานาธิบดี โรดริโก ดูเตอร์เต
นโยบายกวาดล้างยาเสพติดแบบถึงลูกถึงคนของ ดูเตอร์เต ส่งผลให้มีชาวฟิลิปปินส์หลายพันคนถูกตำรวจวิสามัญฯ โดยไม่ผ่านกระบวนการยุติธรรม และคนเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นเพียงผู้เสพและผู้ค้ารายย่อย
ศาล ICC ได้เข้ามาตรวจสอบเรื่องนี้ หลังได้รับคำร้องเรียนจากองค์กรสิทธิมนุษยชนและเหยื่อของสงครามยาเสพติดว่าการวิสามัญฯ ผู้ต้องสงสัยเกิดขึ้นอย่างเป็นระบบ และตำรวจก็ช่วยกันปกปิดความจริง โดยมักจะอ้างว่า “ยิงเพื่อป้องกันตัว”
“ความร่วมมือระหว่างเรากับ ICC ถือว่าจบกันเพียงเท่านี้ และเราก็จะยุติการติดต่อสื่อสารกับพวกเขาในทุกรูปแบบ” มาร์กอส ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน
คำร้องของรัฐบาลมะนิลาที่ขอให้ ICC เลิกสอบสวนสงครามยาเสพติด เพิ่งจะถูกทางศาล “ปฏิเสธ” เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
“เราไม่สามารถให้ความร่วมมือกับ ICC เพราะมีคำถามอย่างจริงจังว่าศาลมีอำนาจไต่สวนหรือไม่ อีกทั้งจะเข้าข่ายเป็นการแทรกแซงกิจการภายในและโจมตีอธิปไตยของสาธารณรัฐฟิลิปปินส์หรือไม่อย่างไร” มาร์กอส ระบุ
ICC มีเขตอำนาจดำเนินคดีผู้กระทำความผิดอาญาระหว่างประเทศ 4 ฐาน คือ การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ อาชญากรรมสงคราม และอาชญากรรมอันเป็นการรุกราน และถือเป็นทางเลือกสุดท้ายเมื่อระบบศาลในรัฐหนึ่งๆ ไม่มีความสามารถหรือไม่เต็มใจที่จะตรวจสอบอาชญากรรมที่เกิดขึ้นในประเทศตนเอง
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลฟิลิปปินส์แย้งว่าระบบศาลของตนยังสามารถไต่สวนและให้ความยุติธรรมต่อคดีอาญาเหล่านี้ได้ อีกทั้ง ดูเตอร์เต ก็ได้นำฟิลิปปินส์ถอนตัวออกจากการเป็นภาคีธรรมนูญกรุงโรม (Rome Statute) ว่าด้วยการก่อตั้งศาล ICC แล้วตั้งแต่ปี 2018 ซึ่งโดยหลักแล้วเขตอำนาจศาลจะมีผลบังคับเฉพาะกับบรรดารัฐภาคีเท่านั้น
เมื่อเดือน ม.ค. ศาล ICC ได้อนุญาตตามคำร้องของอัยการที่ขอเปิดการสอบสวนสงครามยาเสพติดอีกครั้ง หลังจากระงับไปตั้งแต่เดือน พ.ย. ปี 2021 ตามคำขอของมะนิลาที่อ้างว่ามีกระบวนการสอบสวนภายในอยู่แล้ว
ดูเตอร์เต ยืนยันมาตลอดว่า เขาไม่ได้ “สั่ง” ให้ตำรวจยิงสังหารผู้ค้ายาได้ตามใจชอบ เว้นเสียแต่เพื่อป้องกันตัว และพร้อมที่จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แต่มีเงื่อนไขว่าจะต้องเป็นการไต่สวนโดยศาลของฟิลิปปินส์เท่านั้น
ซาราห์ ดูเตอร์เต บุตรสาวของอดีตผู้นำขาโหด ได้จับมือเป็นพันธมิตรทางการเมืองกับมาร์กอส และปัจจุบันเธอดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีฟิลิปปินส์
ที่มา : รอยเตอร์