อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีเจ้าพ่อเทคโนโลยี ประเมินมูลค่าทางการตลาดของ “ทวิตเตอร์” ในปัจจุบันอยู่แค่ราวๆ 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือไม่ถึงครึ่งของวงเงิน 44,000 ล้านดอลลาร์ ที่เจ้าตัวลงทุนควักกระเป๋าจ่ายเพื่อซื้อกิจการแพลตฟอร์มโซเชียลชื่อดังเมื่อ 5 เดือนก่อน
หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สอ้างข้อมูลจากอีเมลภายในเกี่ยวกับโครงการชดเชยหุ้น (stock compensation program) ที่ มัสก์ ส่งถึงพนักงานทวิตเตอร์เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว (24 มี.ค.) โดย มัสก์ ระบุว่า พนักงานทวิตเตอร์จะได้รับหุ้นในบริษัท X Corporation ซึ่งเป็นบริษัทที่เขาใช้ในการเข้าซื้อทวิตเตอร์ โดยการแบ่งหุ้นเหล่านี้คำนวณจากมูลค่ากิจการที่ 20,000 ล้านดอลลาร์ และพนักงานจะได้รับอนุญาตให้ขายหุ้นได้ทุกๆ 6 เดือน
มัสก์ ยังเตือนด้วยว่า สถานะทางการเงินของทวิตเตอร์ยังอยู่ในขั้น “สุ่มเสี่ยง” และเคยมีอยู่ช่วงหนึ่งที่บริษัทเหลือพอใช้จ่ายไม่ถึง 4 เดือน
เขาย้ำว่า ทวิตเตอร์จำเป็นต้องปฏิรูปองค์กรอย่าง “ถึงรากถึงโคน” ซึ่งอาจรวมถึงการปลดพนักงานออก และตัดลดค่าใช้จ่ายบางอย่างลงเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะล้มละลาย (bankruptcy) แต่กระนั้น มัสก์ บอกว่ายังพอเห็นหนทางที่ “ชัดเจนแม้จะยากลำบาก” ในการทำให้ทวิตเตอร์กลับมามีมูลค่าทางการตลาดสูงถึง 250,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือมากกว่า 10 เท่าของปัจจุบันได้
เว็บไซต์ The Information เป็นสื่อเจ้าแรกที่ออกมาเผยมูลค่าทางการตลาดล่าสุดของทวิตเตอร์ ขณะที่ตัว มัสก์ ยังไม่ออกมาตอบคำถามสื่อในประเด็นนี้
มัสก์ ยอมรับว่า รายได้จากโฆษณาของทวิตเตอร์ลดน้อยลงมากตั้งแต่เขาก้าวเข้ามาเป็นเจ้าของและเปลี่ยนทวิตเตอร์เป็นบริษัทเอกชนเมื่อเดือน ต.ค.ปีที่แล้ว และแม้การเปลี่ยนแปลงนี้จะทำให้ทวิตเตอร์ไม่จำเป็นต้องแถลงข้อมูลทางการเงินอย่างโปร่งใสอีก แต่ส่งผลให้มูลค่าทางการตลาดลดฮวบลงอย่างน่าตกใจ และมีความเสี่ยงที่จะประสบภาวะล้มละลาย
มัสก์ เลย์ออฟพนักงานทวิตเตอร์เหลือแค่ไม่ถึง 2,000 คนในปัจจุบัน จากที่เคยมีอยู่ราว 7,500 คนก่อนการเทกโอเวอร์
ที่มา : New York Times
