สเตฟานี พอมบอย นักเศรษศาสตร์ชาวสหรัฐฯ ซึ่งมีชื่อเสียงจากกรณีที่เธอคาดการณ์ได้อย่างแม่นยำเกี่ยวกับฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์ของอเมริกาในยุคต้นทศวรรษ 2000 และวิกฤตการเงินโลกปี 2008 ได้ส่งเสียงแสดงความกังวลเกี่ยวกับล่มสลายของธนาคารบางแห่ง และคริปโตเคอร์เรนซี ว่าอาจเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นของวิกฤตเลวร้ายอีกครั้ง
"สิ่งที่เรากำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้เป็นสิ่งที่สาหัสอย่างยิ่ง" พอมบอย ผู้ก่อตั้งสถาบันวิจัยเศรษฐกิจ มาร์โครมาเวนส์ กล่าวระหว่างให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวฟ็อกซ์นิวส์เมื่อวันศุกร์ (10 มี.ค.) "เราอยู่บนขอบเหวของวิกฤตการเงินแบบเดียวกับปี 2008"
คำประเมินของพอมบอย มีขึ้นตามหลังคณะผู้ควบคุมกฎระเบียบของรัฐบาลกลางในวันศุกร์ (10 มี.ค.) สั่งปิด Silicon Valley Bank (SVB) ซึ่งเป็นธนาคารที่เน้นให้บริการเงินกู้ให้แก่บริษัทสตาร์ทอัป หลังเผชิญปัญหาสภาพคล่องรุนแรงจนลูกค้าแห่ถอนเงิน
SVB ถือเป็นสถาบันการเงินหลักที่ปล่อยเงินกู้ให้แก่ธุรกิจสตาร์ทอัปมาตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1980 และกลายมาเป็นสถาบันการเงินใหญ่อันดับที่ 16 ของสหรัฐอเมริกา โดยข้อมูลในช่วงสิ้นปี 2022 พบว่าธนาคารมีมูลค่าสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 209,000 ล้านดอลลาร์ ในจำนวนนี้แบ่งเป็นเงินฝาก 175,400 ล้านดอลลาร์
การสั่งปิดธนาคารแห่งนี้ไม่เพียงถือเป็นการล่มสลายของสถาบันการเงินใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ นับตั้งแต่กรณีธนาคาร Washington Mutual ล้มเมื่อปี 2008 แต่ยังถือเป็นธนาคารพาณิชย์เพื่อรายย่อย (retail bank) ใหญ่อันดับ 2 ของอเมริกาที่ต้องปิดตัวลง
ควานเคลื่อนไหวปิดตัวลงของ SVB มีขึ้นไม่กี่วัน ตามหลัง Silvergate Capital Corp. ธนาคารที่เน้นการให้บริการกับลูกค้าที่อยู่ในอุตสาหกรรมคริปโตฯ ประกาศว่าจะปิดกิจการ หลังจากที่ประสบปัญหาด้านการเงินอย่างรุนแรง เช่นเดียวกับการพังครืนของบรรดาบริษัทคริปโตฯ เมื่อฤดูใบไม้ร่วงปีก่อน ไม่ว่าจะเป็น FTX, BlockFi และ Three Arrows Capital.
รัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ตอบสนองกับสถานการณ์ดังกล่าวด้วยการพยายามคลายความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตในวงกว้าง ส่วน เจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังระบุในถ้อยแถลงในวันศุกร์ (10 มี.ค.) ระบบธนาคารของสหรัฐฯ ยังคงมีความยืดหยุ่น และคณะผู้ควบคุมกฎระเบียบมีเครื่องไม้เครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสำหรับจัดการกับเหตุการณ์ลักษณะนี้
อย่างไรก็ตาม พอมบอย ไม่เชื่อมั่นคำพูดดังกล่าว โดยเย้ยเยาะ เยลเลน ว่าสติไม่ปกติ ที่มัวแต่มามุ่งเน้นเรื่องความหลากหลาย ความเท่าเทียมและครอบคลุม ในช่วงเวลาที่การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วโดยธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) กำลังเปิดเผยให้เห็นถึงความเปราะบางของระบบการเงินที่เต็มไปด้วยภาระหนี้สินของอเมริกา
"ฟังนะ คุณปรับขึ้นดอกเบี้ยเป็นประวัติการณ์ ในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจกำลังโซเซ แล้วไปคาดหวังว่ามันจะไม่ก่อผลกระทบใดๆ" นักเศรษฐศาสตร์รายนี้กล่าว พร้อมระบุว่า หลังจากยอมเสี่ยงมากเกินไปมานานหลายปี "มันกำลังกลับมาไล่ล่าพวกเขาอย่งหนัก" และคาดหมายว่าสถานการณ์จะสืบต่อเป็นทอดๆ รวดเร็วมาก"
บิล แอคแมน มหาเศรษฐีผู้บริหารกองทุนเฮดจ์ฟันด์ เตือนว่า การล่มสลายของ SVB อาจโหมกระพือปัญหาเป็นทอดๆ ไปยังสถาบันการเงินอื่นๆ ที่มีปัญหา ก่อปฏิกิริยาลูกโซ่เหมือนกับปี 2008 ในขณะที่โดมิโนล้มลงอย่างต่อเนื่อง
(ที่มา : อาร์ทีนิวส์/เอเอฟพี/ซีเอ็นเอ็น)