‘หลี่ เฉียง’ ขึ้นแท่นนายกฯ จีนคนใหม่ สานต่อภารกิจท้าทาย 'พลิกฟื้นเศรษฐกิจ'

สภาประชาชนแห่งชาติจีน (NPC) ประกาศให้นายหลี่ เฉียง (Li Qiang) ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของจีนอย่างเป็นทางการในวันนี้ (11 มี.ค.) ซึ่งถือเป็นการแต่งตั้งบุคคลใกล้ชิดของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เข้ากุมบังเหียนพลิกฟื้นเศรษฐกิจแดนมังกรซึ่งเผชิญผลกระทบจากโควิด-19 มานานถึง 3 ปีเต็ม

หลี่ เฉียง วัย 63 ปี ซึ่งเป็นอดีตเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีนประจำนครเซี่ยงไฮ้ ได้เข้ามารับไม้ต่อจากอดีตนายกฯ หลี่ เค่อเฉียง ระหว่างการประชุม NPC ที่มหาศาลาประชาชนในกรุงปักกิ่ง ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจจีนที่ยังคงเผชิญปัจจัยลบจากภายนอก และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและภาคเอกชนที่ยังคงอ่อนแอ

การเข้ารับตำแหน่งผู้นำเบอร์ 2 ของ หลี่ เฉียง ยังมีขึ้นในขณะที่ความสัมพันธ์จีนกับโลกตะวันตกกำลังตึงเครียดหนัก ทั้งจากกรณีที่สหรัฐฯ พยายามปิดกั้นไม่ให้จีนเข้าถึงเทคโนโลยีสำคัญๆ และการที่หลายบริษัทยักษ์ใหญ่ทยอยย้ายฐานการผลิตออกนอกจีนเพื่อลดความเสี่ยงจากความขัดแย้งทางการเมือง และการหยุดชะงัก (disruption) ของห่วงโซ่อุปทานซึ่งเป็นผลต่อเนื่องมาจากยุคโควิด-19

หลี่ เฉียง ยังถือเป็นนายกฯ จีนคนแรกนับตั้งแต่ก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีนซึ่งไม่เคยดำรงตำแหน่งในรัฐบาลกลางมาก่อน ซึ่งหมายความว่าเขาอาจจะต้องใช้ความพยายามหนักพอสมควรที่จะ “เรียนรู้” งานในช่วงไม่กี่เดือนแรกๆ


กระนั้นก็ตาม นักวิเคราะห์ชี้ว่าการที่ หลี่ มีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ สี จิ้นผิง เพราะเคยเป็นหัวหน้าคณะทำงานของ สี ในช่วงปี 2004-2007 ตอนที่ สี ยังดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ประจำมณฑลเจ้อเจียง ก็น่าจะมีส่วนช่วยให้เขาขับเคลื่อนวาระต่างๆ ได้ไม่ยากจนเกินไป

“ผมมองว่า หลี่ เฉียง จะได้รับการสนับสนุนและมีอำนาจสั่งการในระบบการปกครองของจีนมากพอสมควร” เทรย์ แมคอาร์เวอร์ หนึ่งในผู้ก่อตั้งบริษัทที่ปรึกษา Trivium China ให้ความเห็น

หลี่ เฉียง ได้รับคะแนนโหวตสนับสนุนรวมทั้งสิ้น 2,936 เสียงจากที่ประชุม NPC ในวันนี้ (11) โดยมีผู้โหวตคัดค้านเพียง 3 เสียง และงดออกเสียง 8 เสียง

สี ในวัย 69 ปี ได้ปรับคณะผู้บริหารจีนชุดใหญ่ในรอบ 10 ปี โดยดึงเอาบุคคลใกล้ชิดที่จงรักภักดีเข้านั่งตำแหน่งสำคัญๆ ทดแทนบรรดาเจ้าหน้าที่สายปฏิรูป (reform-minded) ที่ทยอยหมดวาระลง หลังจากที่ตัวเขาเองเพิ่งได้รับคะแนนเสียงท่วมท้นจาก NPC ให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่ 3 อย่างเป็นทางการเมื่อวันศุกร์ (10) ซึ่งถือเป็นการแหวกธรรมเนียมปฏิบัติที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน

ที่มา : รอยเตอร์