เอเอฟพี - วัยรุ่นแดนปลาดิบ 3 คนที่เล่นพิเรนทร์สกปรกในร้านซูชิสายพานโดนจับกุมแล้ว หลังคลิป “ก่อการร้ายซูชิ” จุดกระแสเดือดดาลในโลกออนไลน์ โฆษกสำนักงานตำรวจเผยแม้ยังไม่มีการตั้งข้อกล่าวหา แต่การขัดขวางการทำธุรกิจอาจได้รับโทษหนักภายใต้กฎหมายญี่ปุ่น ซึ่งรวมถึงการจำคุก 3 ปี
ตำรวจกล่าวหาวัยรุ่นทั้ง 3 คนพยายามขัดขวางธุรกิจของเชนร้านอาหารชั้นนำ คุระ ซูชิ ที่ได้รับการร้องเรียนจากลูกค้าจำนวนมากหลังคลิปดังกล่าวกลายเป็นไวรัล ซึ่งคลิปดังกล่าวเป็นภาพสมาชิกกลุ่มนี้คว้าซูชิจากจานบนสายพานเข้าปาก และดื่มซอสถั่วเหลืองจากขวดที่ลูกค้าใช้ร่วมกัน
เดือนที่แล้วมีคลิปคล้ายกันนี้แพร่หลายบนแพลตฟอร์มต่างๆ ซึ่งรวมถึงทวิตเตอร์และติ๊กต็อก ซึ่งบางคลิปเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อหลายสัปดาห์ก่อน หรือแม้กระทั่งหลายปีมาแล้ว
การเล่นพิเรนทร์ที่น่ารังเกียจอื่นๆ ยังรวมถึงการที่ลูกค้าอมนิ้วตัวเองก่อนไปแตะซูชิบนสายพานที่เลื่อนผ่าน หรือเลียขอบถ้วยกาแฟและนำไปวางคืนบนชั้น
ตำรวจท้องถิ่นเปิดเผยกับเอเอฟพีเมื่อวันพฤหัสบดี (9 มี.ค.) ว่าได้จับกุมวัยรุ่น 3 คนจากจังหวัดไอจิ คนหนึ่งชื่อ เรียวกะ โยชินะ วัย 21 ปี และเด็กหญิงวัย 15 ปี ที่ไม่เปิดเผยชื่อ ซึ่งจับกุมเมื่อวันพุธ (8 มี.ค.) ส่วนสมาชิกคนที่ 3 เป็นชายวัย 19 ปีที่จับได้เมื่อเดือนที่แล้ว
การจับกุมบุคคลเหล่านี้เชื่อว่า เป็นครั้งแรกในเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดความโกลาหลวุ่นวายในญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อว่ามีมาตรฐานสูงในเรื่องความสะอาด
โฆษกสำนักงานตำรวจแถลงว่า การเล่นพิเรนทร์ของคนเหล่านี้ทำให้พนักงานของคุระ ซูชิต้องทำความสะอาดอย่างเร่งด่วน ส่งผลให้การทำธุรกิจปกติเป็นไปได้ยาก แม้ยังไม่มีการตั้งข้อกล่าวหา แต่การขัดขวางการทำธุรกิจอาจได้รับโทษหนักภายใต้กฎหมายญี่ปุ่น ซึ่งรวมถึงการจำคุก 3 ปี
บริษัทที่ดำเนินการเชนคุระ ซูชิ ซึ่งมีสาขาเกือบ 500 แห่งในญี่ปุ่น ยินดีกับการจับกุมบุคคลเหล่านี้ โดยออกแถลงการณ์ว่า บริษัทหวังว่าการจับกุมนี้จะทำให้สังคมตระหนักว่า การเล่นพิเรนทร์เหล่านี้ซึ่งบ่อนทำลายระบบของบริษัทที่อิงกับความสัมพันธ์ที่น่าเชื่อถือกับลูกค้า เป็นการก่ออาชญากรรม และไม่ควรมีพฤติกรรมเลียนแบบเกิดขึ้นอีกในอนาคต
เชนร้านอาหารแห่งอื่นที่เผชิญเหตุการณ์ในลักษณะนี้รวมถึงซูชิโร ที่ราคาหุ้นดิ่งหนักเมื่อเดือนที่แล้วหลังมีการปล่อยคลิปลูกค้าวัยรุ่นคนหนึ่งเลียปากขวดซอสถั่วเหลืองที่ลูกค้าใช้ร่วมกันในสาขาหนึ่ง
ผู้ใช้ทวิตเตอร์ในญี่ปุ่นคนหนึ่งทวิตว่า “น่าสะอิดสะเอียน” ขณะที่ผู้ใช้อีกคนเห็นด้วยว่า “คงไม่ไปร้านซูชิสายพานอีกแล้ว”