สหรัฐฯ อนุมัติโครงการจำหน่ายอาวุธใหม่ให้แก่ไต้หวันมูลค่า 619 ล้านดอลลาร์ (ราว 21,500 ล้านบาท) ซึ่งรวมถึงขีปนาวุธที่ใช้กับเครื่องบินขับไล่ F-16 ขณะที่บรรยากาศในช่องแคบไต้หวันทวีความตึงเครียดอีกครั้งจากการที่จีนส่งเครื่องบินรุกล้ำเขตแสดงตนเพื่อการป้องกันภัยทางอากาศ (ADIZ) ของไทเปมาแล้ว 2 วันติด
รัฐบาลจีนออกมาเตือนซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้สหรัฐฯ หยุดป้อนอาวุธแก่ไต้หวัน เกาะประชาธิปไตยที่จีนอ้างว่าเป็นดินแดนของตนเอง และข้อตกลงจำหน่ายอาวุธครั้งนี้ก็คาดว่าจะยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ปักกิ่ง-วอชิงตันทรุดหนักลงไปอีก
กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ แถลงเมื่อวันพุธ (1 มี.ค.) ว่า กระทรวงการต่างประเทศได้อนุมัติแพกเกจจำหน่ายยุทโธปกรณ์แก่ไต้หวัน ซึ่งรวมถึงขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานพิสัยกลางชนิดยิงจากอากาศสู่อากาศ (Advanced Medium Range Air-to-Air Missiles) หรือ AMRAAM จำนวน 200 ลูก
“ข้อเสนอจำหน่ายอาวุธครั้งนี้จะช่วยเพิ่มศักยภาพของประเทศผู้รับในการปกป้องน่านฟ้า ส่งเสริมความมั่นคงในภูมิภาค และการปฏิบัติการร่วมกับสหรัฐอเมริกา” เพนตากอน ระบุ
โครงการจำหน่ายอาวุธครั้งนี้มีบริษัท เรย์ธีออน เทคโนโลยีส์ (Raytheon Technologies) และล็อกฮีด มาร์ติน (Lockheed Martin) เป็นคู่สัญญาหลัก ซึ่งทั้ง 2 บริษัทได้ถูกจีนประกาศ “แซงก์ชัน” ไปแล้วก่อนหน้านี้จากการขายอาวุธให้ไต้หวัน
ขณะเดียวกัน ไต้หวันเผยวันนี้ (2) ว่าถูกจีนส่งเครื่องบินรุกล้ำเขต ADIZ ต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 โดยกระทรวงกลาโหมตรวจพบอากาศยานของจีนล่วงล้ำอาณาเขตเข้ามาถึง 21 ลำในรอบ 24 ชั่วโมง ประกอบด้วยเครื่องบินขับไล่ J-10 จำนวน 17 ลำ และเครื่องบินขับไล่ J-16 อีก 4 ลำ
ฝูงบิน J-10 ซึ่งเป็นเครื่องบินรุ่นเก่าที่จีนนำมาประจำการตั้งแต่ 2 ทศวรรษก่อนบินค่อนไปทางชายฝั่งจีน ขณะที่ฝูงบิน J-16 ซึ่งเป็นรุ่นใหม่และมีประสิทธิภาพสูงกว่าบินโฉบเข้าไปใกล้กับหมู่เกาะตงซา (ปราตัส) ซึ่งเป็นดินแดนในควบคุมของไต้หวัน
ปักกิ่งอ้างว่ากิจกรรมทางทหารในพื้นที่เหล่านี้ “มีความชอบธรรม” และมีจุดประสงค์เพื่อปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดนจีน ขณะเดียวกัน ก็เตือนสหรัฐฯ ให้หยุด “สมคบคิด” กับไต้หวัน
ที่มา : รอยเตอร์