โรงแรมหรูแห่งหนึ่งในญี่ปุ่นออกมาขออภัยวานนี้ (28 ก.พ.) หลังถูกตรวจพบว่าบ่อน้ำพุร้อน “ออนเซ็น” มีค่าแบคทีเรียเกินมาตรฐานถึง 3,700 เท่า พร้อมยอมรับว่าที่ผ่านมาให้พนักงานเปลี่ยนน้ำในบ่อ “ทุกๆ 6 เดือน”
มาโกโตะ ยามาดะ ประธานบริษัทซึ่งเป็นเจ้าของโรงแรม ไดมารุ เบสโซ (Daimaru Besso) ในจังหวัดฟุกุโอกะ กล่าวขออภัยที่โรงแรมของเขาละเลยเรื่องสุขอนามัย โดยไม่ได้เปลี่ยนน้ำทุกๆ สัปดาห์ตามที่กฎหมายกำหนด และไม่ได้ใส่คลอรีนลงในน้ำอย่างเพียงพอ
ยามาดะ ระบุว่าตนเอง “ไม่ชอบกลิ่นคลอรีน” และยอมรับว่ามันเป็นเหตุผลที่ค่อนข้าง “เห็นแก่ตัว”
“เราผิดเองที่ไม่ได้คำนึงถึงสุขภาพของลูกค้า” เขากล่าว
โรงแรมแห่งนี้เริ่มละเลยการเปลี่ยนน้ำในออนเซ็นมาตั้งแต่เดือน ธ.ค. ปี 2019 และระหว่างที่โควิด-19 แพร่ระบาดในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาก็ยิ่งขาดการดูแลเอาใจใส่ เนื่องจากจำนวนแขกที่เข้าพักลดลงมาก
ปีที่แล้ว เจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นตรวจพบว่าบ่อออนเซ็นของ ไดมารุ เบสโซ มีแบคทีเรีย legionella เกินมาตรฐานที่กฎหมายกำหนด 2 เท่า ทว่าโรงแรมกลับแก้ปัญหาด้วยการ “แจ้งข้อมูลเท็จ” ว่ามีการใส่คลอรีนในปริมาณที่เหมาะสมแล้ว และเมื่อหน่วยงานสาธารณสุขเข้ามาตรวจสอบซ้ำพบว่า ค่าแบคทีเรียพุ่งเกินมาตรฐานที่กำหนดไปถึง 3,700 เท่าตัว
แบคทีเรีย legionella อาจเป็นสาเหตุทำให้ปอดติดเชื้อ และมีรายงานว่าแขกซึ่งเคยเข้าพักที่ ไดมารุ เบสโซ และโรงแรมอีกหลายแห่ง ล้มป่วยแล้วอย่างน้อย 1 ราย
“ผมมีความเข้าในกฎหมายไม่เพียงพอ และชะล่าใจคิดว่าแบคทีเรีย legionella ก็เป็นเชื้อโรคที่พบได้ทั่วๆ ไป” ยามาดะ กล่าว
โรงแรม ไดมารุ เบสโซ (Daimaru Besso) ซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองชิกุชิโนะ (Chikushino) จังหวัดฟุกุโอกะ เป็นเรียวกังเก่าแก่อายุ 160 ปี โดยข้อมูลบนเว็บไซต์ของโรงแรมระบุว่า สถานที่แห่งนี้เคยต้อนรับแขกคนสำคัญมาแล้วมากมาย รวมถึงอดีตสมเด็จพระจักรพรรดิฮิโรฮิโตะ หรือจักรพรรดิโชวะแห่งญี่ปุ่น
ที่มา : Channel News Asia