ผู้หญิงรายหนึ่งในจีน ซึ่งถูกจับได้ว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุฉ้อโกงเงิน 8 ล้านหยวน(ประมาณ 40 ล้านบาท) จากบัตรเดรดิตมากกว่า 300 ใบ เกี่ยวข้องกับเหยื่อ 28 คน กลายเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงโด่งดังฉาวโฉ่ไปทั่วประเทศในชั่วพริบตา หลังมีการเผยแพร่ละเอียดที่มาที่ไปในปฏิบัติการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
รายงานข่าวของเว็บไซต์สตาร์ วิดีโอ สื่อมวลชนจีน ระบุว่าสตรีแซ่หลี รายนี้ ซึ่งมาจากมณฑลเสฉวน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน เพิ่งถูกจับได้หลังจากสามีของเธอเข้าใจผิดคิดว่าเธอเป็นเหยื่อของการล่อลวงทางออนไลน์ ตอนที่พบรายงานการเงิน(statements) บัตรเครดิตต่างๆนานา ที่เกี่ยวกับการทำธุรกรรมจำนวนมาก
อย่างไรก็ตามกลับกลายเป็นว่า แท้จริงแล้วฝ่ายภรรยาก็คือผู้ร้าย ในเหตุฉ้อโกงยาวเป็นหางว่าว ย้อนกลับไปตั้งแต่ปี 2016
ในเดือนธันวาคมปีก่อน สามีของผู้หญิงรายนี้พบว่าภรรยาของเขามีบัตรเครดิตจำนวนมาก และกระแสเงินมหาศาลที่แสดงให้เห็นบนรายงานการเงิน ทำให้เขาสงสัยว่าภรรยาอาจตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ ดังนั้นเขาจึงเดินทางไปแจ้งความกับตำรวจท้องถิ่น โดยไม่ได้สอบถามภรรยาก่อนแม้แต่น้อย
"เขาบอกกับเราว่า ภรรยาของเขาถูกฉ้อโกงเงินไปกว่า 8 ล้านหยวน(ราว 40 ล้านบาท)" เว็บไซต์สตาร์วิดีโอ อ้างคำกล่าวของตำรวจรายหนึ่ง พร้อมระบุว่าจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็เริ่มทำการสืบสวนบนพื้นฐานรายละเอียดที่ทางสามีมอบใหม่
ไม่นานหลังจากนั้น ตำรวจก็พบความจริงที่สวนทางโดยสิ้นเชิงกับที่สามีของฝ่ายหญิงแสดงความกังวล "เราพบเหยื่อ 28 คน" เจ้าหน้าที่ตำรวจกล่าว "เธอไม่ใช่เหยื่อ แต่เป็นสแกมเมอร์"
ตำรวจระบุว่า หลี เข้าสู่วงการสแกมเมอร์ในปี 2016 หลังจากไม่สามารถหาเงินมาจ่ายหนี้ได้ เธอปลอมตัวเป็นเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานราชการท้องถิ่น ติดต่อกับบุคคลที่มีรายได้สูง บอกว่าสามารถมอบข้อมูลทางการเงินที่มีค่ายิ่งแก่คนเหล่านั้น
หลี รับปากกับคนเหล่านั้นว่าจะได้รับดอกเบี้ยธนาคารระดับสูง โดยพวกเขาต้องไว้ใจมอบรายละเอียดบัตรเครดิตและเดบิตให้เธอ จากนั้นเธอก็ใช้ข้อมูลที่ได้มา ไปใช้จ่ายสนองวิถีชีวิตและการเดินทางที่หรูหราฟุ่มเฟือยของตนเอง
คดีนี้ยังคงอยู่ระหว่างการสืบสวนของเจ้าหน้าที่
เรื่องราวนี้และรายละเอียดอันน่าช็อคของคดี กลายเป็นที่พูดถึงอย่างกว้างขวางบนสื่อสังคมออนไลน์จีนแผ่นดินใหญ่ หนึ่งในนั้นตั้งคำถามว่า "แล้ว หลี ยังคงสามารถฉ้อโกงอย่างเงียบๆมาได้อย่างไรนานกว่า 6ปี? ไม่มีเหยื่อคนไหนรู้สึกสงสัยเลยหรือ?" ส่วนอีกคนแสดงความคิดเห็นว่า "สามีผู้น่าสงสาร"
(ที่มา:เซาต์ไชนามอร์นิงโพสต์)