เอเจนซีส์/MGRออนไลน์ - อิลยาซาห์ ชาบาซซ์ (Ilyasah Shabazz) บุตรสาวคนที่ 3 ของมัลคอล์ม เอ็กซ์ (Malcolm X) และนักเคลื่อนไหว เบ็ตตี ชาบาซซ์ (Betty Shabazz) แถลงข่าววันอังคาร (21 ก.พ.) ว่า ครอบครัวมัลคอล์ม เอ็กซ์ เตรียมฟ้อง FBI- CIA-NYPD และสำนักงานอื่นที่เกี่ยวข้องพร้อมเรียกค่าเสียหาย 100 ล้านดอลลาร์ให้ผู้นำเรียกร้องความเท่าเทียมทางสีผิวแอฟริกันอเมริกันชื่อดังที่ถูกมือปืน 3 คน ยิง 21 นัดลอบสังหารเขาในนครนิวยอร์ก เมื่อปี 1965 ครอบครัวเชื่อถูกเจ้าหน้าที่ระดับสูงสหรัฐฯ เดินแผนลอบสังหารและลงมือก่อเหตุ
เดอะการ์เดียน สื่ออังกฤษ รายงานวานนี้ (22 ก.พ.) ว่า ในการเปิดเผยครั้งใหม่ในรายละเอียดที่ยังไม่เคยมีการเปิดเผยมาก่อนเมื่อวันอังคาร (21) ครอบครัวมัลคอล์ม เอ็กซ์ (Malcolm X) เชื่อว่า การเสียชีวิตของผู้นำชาวแอฟริกันอเมริกันชื่อดังซึ่งเป็นนักการศาสนาอิสลามที่จบชีวิตในขณะที่มีอายุเพียงแค่ 39 ปี เมื่อวันที่ 21 ก.พ.ปี 1965 ที่วอชิงตัน ไฮต์ส (Washington Heights) ในนิวยอร์ก ซิตี นั้นพบว่าหน่วยงานระดับรัฐบาลกลางสหรัฐฯ และระดับรัฐร่วมกันปกปิดหลักฐานที่แสดงว่าคนเหล่านี้สมคบคิดเดินหน้าแผนลอบสังหาร และลงมือก่อเหตุ
ทั้งนี้ เขาเสียชีวิตก่อนหน้าผู้นำการเปลี่ยนแปลงทางสิทธิพลเมืองอเมริกัน มาร์ติน ลูเธอร์คิง จูเนียร์ ซึ่งถูกลอบสังหารโดยมือสไนเปอร์เช่นกันในปี 1968 ที่เมืองเมมฟิส รัฐเทนเนสซี
การประกาศของครอบครัวมัลคอล์ม เอ็กซ์ จากบุตรสาวคนที่ 3 อิลยาซาห์ ชาบาซซ์ (Ilyasah Shabazz) และนักเคลื่อนไหว เบ็ตตี ชาบาซซ์ (Betty Shabazz) เกิดขึ้นตรงกับวันที่มัลคอล์ม เอ็กซ์ ถูกลอบสังหารด้วยมือปืน 3 ราย ยิงกระสุนรวม 21 นัด และเกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ที่ภายในสหรัฐฯ ถือเป็นเดือนประวัติศาสตร์แอฟริกันอเมริกันที่เรียกว่า Black History Month อีกด้วย
เบนจามิน ครัมป์ (Benjamine Crump) ซึ่งเป็นทนายด้านสิทธิมนุษยชนของครอบครัวสร้างชื่อจากคดีจอร์จ ฟลอยด์ ยืนยันในการแถลงข่าวว่า หลักฐานใหม่ชี้ว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ สมคบคิดเพื่อลอบสังหาร และยังกล่าวชื่ออดีตผู้อำนวยการ FBI เจ เอ็ดการ์ ฮูฟเวอร์ (J Edgar Hoover) ซ้ำหลายครั้ง ชายผู้นี้เสียชีวิตในปี 1972
โดยในแถลงการณ์ของครอบครัวมีใจความว่า “หน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ มีหลักฐานที่เชิงข้อเท็จจริงที่แสดงความบริสุทธิ์ของจำเลยที่ชี้ไปว่าพวกเขาปกปิดอย่างฉ้อฉลต่อครอบครัวมัลคอล์ม เอ็กซ์ และกลุ่มคนที่ถูกพิพาษาอย่างผิดพลาดในคดีลอบสังหารมัลคอล์ม เอ็กซ์”
ทนายความเปิดเผยวันอังคาร (21) ว่า ทั้งอัยการเขตแมนแฮตตัน ตำรวจนิวยอร์ก NYPD และ FBI ต่างมีหลักฐานในมือ “มันไม่ใช่แค่มือปืนลั่นไก แต่มันยังเกี่ยวกับกลุ่มคนที่สมคบคิดกับกลุ่มมือปืนที่ลงมือสิ่งที่เลวร้ายนี้” เขากล่าว
ABC News ของออสเตรเลียรายงานว่า และเมื่อทนายครัมป์ ถูกนักข่าวถามว่า เขาเชื่อว่าหน่วยงานรัฐทำการสมคบคิดเพื่อลอบสังหารมัลคอล์ม เอ็กซ์ หรือไม่ เขาตอบกลับมาว่า “นี่เป็นสิ่งที่เราเปิดเผย คนเหล่านี้แฝงตัวปะปนเข้าอยู่ในกลุ่มเคลื่อนไหวสิทธิมนุษยชน”
และเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ ที่สำนักงาน FBI สำนักงาน CIA สำนักงานตำรวจนิวยอรก์ NYPD และหน่วยงานอื่นจะถูกครอบครัวมัลคอล์ม เอ็กซ์ ฟ้องร้องดำเนินคดีทางกฎหมายเพื่อความยุติธรรมแก่มัลคอล์ม เอ็กซ์ โดยภรรยาและลูกทั้ง 3 คนที่รอดตายหวุดหวิดหลังหลบไปซ่อนตัว ทนายความกล่าวว่า ครอบครัวมีแผนเรียกร้องค่าเสียหายจำนวนรวม 100 ล้านดอลลาร์จากการที่หน่วยงานความมั่นคงสหรัฐฯ ที่เรียกกันว่า “เฟด” (Fed) และระดับรัฐมีบทบาทในการเสียชีวิตของผู้นำสิทธิมนุษยชนผิวสีสหรัฐฯ
ลูกสาวคนที่ 3 ของมัลคอล์ม เอ็กซ์ ซึ่งเป็นผู้จัดการร่วมในพินัยกรรมแถลงว่า ได้ยื่นการแจ้งเพื่อการร้องเรียนถือเป็นก้าวแรกของกระบวนการ
ABC News สื่อออสเตรเลียรายงานว่า การแถลงข่าวเกิดขึ้นในวอชิงตัน ไฮต์ส ซึ่งเป็นจุดที่พ่อของเธอถูกลอบสังหารเมื่อ 58 ปีก่อน
อิลยาซาห์ ชาบาซซ์ ซึ่งในขณะที่พ่อของตัวเองถูกลอบสังหารมีอายุเพียง 2 ปีกล่าวว่า “เป็นเวลาหลายปีครอบครัวของเราค้นหาความจริงให้กระจ่างเกี่ยวกับการเสียชีวิตของเขา” และเสริมต่อว่า “พวกเราต้องการความยุติธรรมให้เกิดขึ้นกับพ่อของเรา”
CBS รายงานว่า มัลคอล์ม เอ็กซ์ ถือเป็นบุคคลที่มีสีสันในประวัติศาสตร์การเมืองสหรัฐฯ เขาโดดเด่นและเป็นผู้นำที่ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้นำติดอาวุธแอฟริกันอเมริกัน เอ็กซ์ เปลี่ยนศาสนาหันมานับถือศาสนาอิสลามหลังจากเดินทางไปแสวงบุญที่เมกกะ ซาอุดีอาระเบียเมื่อปี 1963 ซึ่งมีผลต่อมุมมองทางศาสนา ความสัมพันธ์ทางเชื้อชาติที่เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงหลังการเดินทางแสวงบุญครั้งนั้น
มัลคอล์ม เอ็กซ์ ซึ่งเป็นนักการศาสนาอิสลามและร่วมอยู่ในองค์กรเคลื่อนไหวมุสลิมชื่อ เดอะเนชันออฟมุสลิม (the Nation of Islam) เผยแพร่แนวคิดให้แอฟริกันอเมริกันทั้งหลายพึ่งตนเองและการอพยพกลับไปสู่แอฟริกาแผ่นดินเกิด และยังคงยึดในหลักการแนวคิดแอฟริกาทั้งปวง การพึ่งพาตนเอง และการตัดสินอนาคตตัวเองของแอฟริกันอเมริกันในประเทศสหรัฐอเมริกาที่มีชนผิวขาวเป็นชนกลุ่มใหญ่ของประเทศ
อ้างอิงจากวิกีพีเดียพบว่า มัลคอล์ม เอ็กซ์ มีชื่อเสียงและถูกจัดเป็นอันดับ 2 ขององค์กรรองจาก อีลิจาห์ มูฮัมหมัด (Elijah Muhammad) ซึ่งกลุ่มมีสมาชิกในจุดหนึ่งสูงสุดถึง 75,000 คน แต่ทว่าในวันที่ 8 ม.ค.1964 เอ็กซ์ประกาศแยกจากองค์กร โดยในวันที่ 19 ก.พ. ปี 1965 หรือไม่กี่วันก่อนการลอบสังหารเอ็กซ์ได้ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวว่า เดอะเนชันออฟมุสลิมพยายามที่จะลอบสังหารเขา ซึ่งในวันที่ 21 ก.พ. ปีเดียวกัน มัลคอล์ม เอ็กซ์ จบชีวิตหลังจากถูกสมาชิกกลุ่มเดอะเนชันออฟมุสลิมยิงในระยะเผาขนระหว่างที่เขาอยู่ในห้องบอลลูมความจุ 400 คน ในการรณรงค์เคลื่อนไหว
มือปืนทั้ง 3 ได้แก่ ทาลมัดจ์ เฮเยอร์ (Talmadge Hayer) นอร์แมน 3เอ็กซ์ บัตเลอร์ (Norman 3X Butler) and ทอมัส 15เอ็กซ์ จอห์นสัน (Thomas 15X Johnson) โดยทั้งหมดถูกตัดสินโทษคดีฆาตกรรมมัลคอล์ม เอ็กซ์ เมื่อมีนาคม ปี1966 โดยเป็นการตัดสินโทษจำคุกตลอดชีวิต
เดอะการ์เดียนรายงานว่า 2 ใน 3 ของทั้งหมดคือ มูฮัมหมัด อับดุล อาซิส (Muhammad Abdul Aziz) หรือนอร์แมน 3เอ็กซ์ บัตเลอร์ ในอดีต และคาลิล อิลาม (Khalil Islam) หรือทอมัส 15เอ็กซ์ จอห์นสัน ในอดีตในปี 2021 ถูกตัดสินให้พ้นข้อกล่าวหาหลังมีการสอบสวนใหม่ และพบว่า FBI และ NYPD แอบปกปิดหลักฐานสำคัญระหว่างการไต่สวน
สื่ออังกฤษชี้ว่า คนทั้ง 2 ต้องอยู่ในเรือนจำเป็นเวลาร่วม 20 ปีในความผิดที่ถูกยัดเยียดให้โดยเกสตาโปสหรัฐฯ และได้รับค่าชดเชยราว 36 ล้านดอลลาร์จากรัฐนิวยอร์กและเมืองนิวยอร์ก ซิตี
ทั้งนี้ อาซิสกล่าวผ่านแถลงการณ์อย่างจับใจหลังถูกตัดสินว่าบริสุทธ์จากข้อกล่าวหาฆ่าว่า
"ผมไม่ต้องการศาลนี้ อัยการเหล่านี้หรือเอกสารที่บอกว่าผมเป็นผู้บริสุทธิ์...ผมอายุ 83 ปีเป็นคนที่ตกเป็นเหยื่อของกระบวนการทางยุติธรรมอเมริกัน"