เอเจนซีส์ - สถานทูตสหรัฐฯ ประจำกรุงลอนดอนถูกล็อกดาวน์เช้าวันพุธ (22 ก.พ.) หลังจากระบบเตือนความปลอดภัยจากด้านในเกิดดังขึ้น ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ทูต พนักงาน และผู้มาติดต่อทุกคนถูกสั่งให้หลบออกห่างจากหน้าต่างเพื่อความปลอดภัย ล่าสุด สถานทูตสหรัฐฯ ทวีตทุกอย่างกลับเข้าสู่ความปกติเรียบร้อย
หนังสือพิมพ์ดิอิฟนิงสแตนดาร์ดของอังกฤษรายงานวันนี้ (22 ก.พ.) ว่า ระบบเตือนความปลอดภัยภายในสถานทูตสหรัฐฯ ประจำกรุงลอนดอนเกิดดังขึ้นในเช้าวันพุธ (22) สำนักงานตำรวจนครบาลอังกฤษ หรือสกอตแลนยาร์ด แถลงว่า ระบบเตือนภัยเกิดดังขึ้นหลังมีการพบวัตถุสิ่งของต้องสงสัยถูกทิ้งไว้ด้านใน แต่ในแถลงการณ์กล่าวว่า ในท้ายที่สุดเป็นการเตือนผิดพลาด
ตำรวจติดอาวุธอังกฤษ พร้อมสุนัขดมกลิ่นเดินทางเข้าไปหลังได้รับแจ้งเหตุ ภาพถ่ายและวิดีโอคลิปที่เผยแพร่ไปทั่วโซเชียลมีเดียแสดงแถวยาวของผู้มาติดต่อที่มีทั้งเด็กในรถเข็นให้ออกห่างจากหน้าต่างกระจกเพื่อความปลอดภัย
เดลีเอ็กซเพรส สื่ออังกฤษอีกสำนักรายงานว่า หนึ่งในผู้อยู่ในเหตุการณ์ เอโร โคโรล (Aro Korol) ได้เปิดเผยทางทวิตเตอร์ว่า “เสียงเตือนภัยดังขึ้นที่สถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงลอนดอน พวกเขาสั่งให้พวกเราหลบออกมาให้ห่างจากหน้าต่าง เหตุยังคงดำเนินอยู่ต่อไป”
โคโรลโพสต์วิดีโอคลิปแสดงให้เห็นแถวของผู้มาติดต่อกำลังยืนเรียงราย หรือนั่งชิดติดผนังด้านในของอาคาร
ทั้งนี้ ตำรวจสุนัขอังกฤษถูกพบเดินลาดตระเวนด้านในท่ามกลางตำรวจอังกฤษติดอาวุธถือปืนไรเฟิลสังหารกำลังพูดคุยกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย G4S
รายงานที่เผยแพร่ทางโซเชียลมีเดียกล่าวว่า ตำรวจติดอาวุธตะโกนดังลั่นไปทั่วถึงแม้ว่าภัยคุกคามยังไม่ชัดเจน
พยานคนหนึ่งกล่าวกับเดลีเอ็กซเพรสว่า เสียงเตือนภัยสงบลงในเวลาราว 10.15 น. และเป็นการดังมาจากการค้นพบสิ่งของต้องสงสัย
ทั้งนี้ สถานทูตสหรัฐฯ ประจำกรุงลอนดอนกล่าวผ่านแถลงการณ์มีใจความว่า
“สถานทูตสหรัฐฯ กลับมาสู่สภาพปกติอีกครั้ง เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นได้เข้ามาสอบสวนและวัตถุต้องสงสัยดังกล่าวถูกเคลียร์ด้านนอกสถานทูต ขอขอบคุณตำรวจอังกฤษ MET สำหรับการลงมืออย่างฉับไวของพวกคุณ และขอขอบคุณผู้เข้ารับบริการสำหรับความร่วมมือและความอดทน”
เดลีเอ็กซเพรสชี้ว่า สกอตต์ คริสตี โจนส์ (Scott Christy Jones) ซึ่งมีเพื่อนทำงานภายในสถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงลอนดอนให้ข้อมูลว่า “ทุกวันมีเรื่องต้องหวาดผวาหรือการเตือนภัย” และเสริมต่อว่า “ผมได้โทรศัพท์หาเพื่อนซึ่งทำงานที่นั่นเมื่อ 10 นาทีก่อนหน้าและเธอบอกว่าเป็นการเตือนภัยผิดพลาด
และเขากล่าวต่ออย่างอารมณ์ดีว่า “หากว่าใครถือคำเตือนของกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ เป็นเรื่องจริงจัง ผมสงสัยเลยว่าจะมีอเมริกันชนคนไหนกล้าออกจากบ้านตัวเอง เอาแค่เฉพาะมาท่องเที่ยวตากอากาศในยุโรปกัน”