ทีมกู้ภัยทั้งในตุรกีและซีเรียต่อสู้กับความหนาวเหน็บในวันอังคาร (7 ก.พ.) ทำงานแข่งกับเวลาในความพยายามค้นหาผู้รอดชีวิตที่ติดอยู่ใต้ซากอาคารต่างๆ ที่พังราบเป็นหน้ากลอง จากแผ่นดินไหวใหญ่เมื่อวันจันทร์ (6 ก.พ.) ล่าสุดยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็นมากกว่า 7,800 รายแล้ว
แผ่นดินไหวครั้งนี้ก่อความทุกข์ทรมานแสนสาหัสที่สุดในพื้นที่ตามแนวชายแดนแห่งหนึ่ง ซึ่งถูกรุมล้อมด้วยสงครามอยู่ก่อนแล้ว โดยพบเห็นผู้คนต้องออกมาอยู่กลางถนน ควานหาเศษซากต่างๆ มาจุดไฟเผาเพื่อสร้างความอบอุ่น แม้ในขณะเดียวกัน ความช่วยเหลือจากนานาชาติเริ่มทยอยมาถึงแล้ว
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความทุกข์ทรมาน ก็มีเรื่องราวแห่งปาฏิหาริย์ปรากฏขึ้นเป็นพักๆ ในนั้นรวมถึงทารกรายหนึ่งที่ถูกดึงออกจากซากปรักหักพังในซีเรีย ในสภาพที่ยังมีชีวิตอยู่ และสายสะดือยังคงติดกับผู้เป็นแม่ ที่เสียชีวิตในเหตุแผ่นดินไหวเมื่อวันจันทร์ (7 ก.พ.)
"เราได้ยินเสียงตอนที่เราขุดลงไป" คาลิล อัล-ซูวาดี ญาติคนหนึ่งเปิดเผยกับเอเอฟพี "เราเคลียร์ฝุ่นและพบทารกพร้อมกับสายสะดือ (ในสภาพสมบูรณ์) ดังนั้นเราจึงตัดมันและลูกพี่ลูกน้องของผมได้พาตัวหนูน้อยส่งโรงพยาบาล"
ทารกเพศหญิงรายนี้เป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวของครอบครัว ส่วนที่เหลือเสียชีวิตในเมืองจินเดย์ริส ที่อยู่ภายใต้การยึดครองของกบฏ
แผ่นดินไหวระดับ 7.8 เมื่อวันจันทร์ (6 ก.พ.) เกิดขึ้นในขณะที่ผู้คนกำลังหลับใหล สั่นสะเทือนสิ่งปลูกสร้างหลายพันแห่งพังราบเป็นหน้ากลอง ทำประชาชนไม่ทราบจำนวนติดอยู่ใต้ซากปรักหักพัง และมีความเป็นไปได้ว่าจะก่อผลกระทบหลายล้านคน
กลุ่มอาคารพังถล่มทั้งแถว และพื้นที่บางแห่งที่อยู่ใกล้กับศูนย์กลางของแผ่นดินไหว ระหว่างเมืองกาซีอันเตป และเมืองคาห์รามานมารัสของตุรกี ถูกทำลายล้างได้รับความเสียหายอย่างหนัก
ความเสียหายร้ายแรงดังกล่าวทำให้ประธานาธิบดีเรเจป ตัยยิบ แอร์โดอัน ในวันอังคาร (7 ก.พ.) ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นเวลา 3 เดือน ครอบคลุม 10 จังหวัดทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ
ประเทศต่างๆ หลายสิบชาติ ในนั้นรวมถึงสหรัฐฯ จีน และบรรดารัฐชาติอาหรับในอ่าวเปอร์เซีย ประกาศมอบความช่วยเหลือ ขณะที่ทีมค้นหาและเสบียงบรรเทาทุกข์ที่ลำเลียงทางอากาศเริ่มทยอยเดินทางไปถึงแล้ว
อย่างไรก็ตาม ผู้คนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนักหน่วงที่สุดบางแห่ง ให้สัมภาษณ์รู้สึกว่าพวกเขาถูกทอดทิ้งให้ช่วยเหลือตัวเอง "ผมไม่สามารถดึงน้องชายของผมออกมาจากซากปรักหักพัง ผมไม่สามารถช่วยหลานของผมได้ มองไปรอบๆ ที่นี่ไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐแม้แต่คนเดียว เห็นแก่พระเจ้าด้วยเถิด" อาลี ซากิโรกลู ชาวบ้านในเมืองคาห์รามานมารัส กล่าว
"ผ่านมาแล้ว 2 วัน ที่เราไม่เห็นเจ้าหน้าที่รัฐที่นี่ เด็กๆ กำลังหนาวเหน็บจากสภาพอากาศหนาวเย็น" เขากล่าว
พายุหิมะ ประกอบกับถนนหลายสายได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหวจนแทบสัญจรไม่ได้ ผลก็คือการจรจาจติดขัดอย่างหนักเป็นระยะทางหลายกิโลเมตรในบางพื้นที่
ฝนเย็นจัดและหิมะก่อความเสี่ยงกับทั้งประชาชนที่ต้องอพยพออกจากบ้านเรือน เข้าไปพักพิงตามมัสยิด โรงเรียนหรือแม้กระทั่งรถบัส และกับบรรดาผู้รอดชีวิตที่ถูกฝังอยู่ใต้ซากปรักหักพัง
ดร.ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก กล่าวว่า "ตอนนี้คือการทำงานแข่งกับเวลา เราเร่งเร้าเครือข่ายทีมแพทย์ฉุกเฉินขององค์การอนามัยโลก ให้มอบการดูแลรักษาที่จำเป็นแก่ผู้ได้รับบาดเจ็บและกลุ่มคนที่อ่อนแอที่สุด"
ยอดผู้เสียชีวิตล่าสุดนั้น ในตุรกีอยู่ที่ 5,894 ราย และในซีเรียพบผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 1,932 คน ส่งผลให้ยอดผู้เสียชีวิตรวมอยู่ที่ 7,826 ราย
มีความกังวลว่าตัวเลขอาจสูงกว่านี้มาก ด้วยองค์การอนามัยโลกคาดการณ์ว่าอาจมีผู้เสียชีวิตสูงสุดถึง 20,000 คน ในขณะเดียวกันองค์การอนามัยโลกเตือนว่าอาจมีประชาชนสูงสุดถึง 23 ล้านคนที่จะได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวรุนแรงครั้งนี้ พร้อมเร่งเร้าประเทศต่างๆ ให้เร่งรีบส่งความช่วยเหลือไปยังพื้นที่ประสบภัย
สภาเสี้ยววงเดือนแดงของซีเรีย วิงวอนบรรดาประเทศตะวันตกให้ยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรและมอบความช่วยเหลือ ในขณะที่รัฐบาลประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ยังคงเป็นคนนอกคอกของตะวันตก ซึ่งมันก่อความซับซ้อนแก่ความพยายามบรรเทาภัยหายนะของนานาชาติ
พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวทางภาคเหนือของซีเรีย ส่วนใหญ่พังยับเยินอยู่ก่อนแล้วจากสงครามที่ยืดเยื้อมานานหลายปี และจากการทิ้งบอมบ์ทางอากาศของกองกำลังซีเรียและรัสเซีย ที่ทำลายบ้านเรือน โรงพยาบาล และคลินิกต่างๆ
กระทรวงสาธารณสุขซีเรียรายงานพบความเสียหายทั่วจังหวัดอะเลปโป ลาตาเคีย ฮามาและตาร์ตุส ดินแดนที่รัสเซียเช่าฐานทัพเรือแห่งหนึ่ง ทั้งนี้ แม้กระทั่งก่อเกิดเหตุสลดในครั้งนี้ อาคารต่างๆ ในอะเลปโป เมืองที่เคยเป็นศูนย์กลางการค้าก่อนหน้าเกิดสงครามซีเรีย ก็พังถล่มลงมาบ่อยครั้ง สืบเนื่องจากความทรุดโทรมของโครงสร้างพื้นฐาน
(ที่มา : เอเอฟพี)