xs
xsm
sm
md
lg

นั่งไม่ติด! ไฟเซอร์โต้ข้อกล่าวหาทดลองกลายพันธุ์โควิด แต่ไม่ปฏิเสธคลิปฉาวโดนปลอมตัวหลอกถาม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ไฟเซอร์ บริษัทยายักษ์ใหญ่เผยแพร่ถ้อยแถลงต่อสาธารณะ ปฏิเสธว่าพวกเขาไม่มีความตั้งใจกลายพันธุ์ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ในความพยายามพัฒนาวัคซีนสำหรับสายพันธุ์ดังกล่าวที่ไม่ได้ถือกำเนิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ หลังถูกกล่าวหากำลังทำการวิจัยไวรัสนี้ผ่านเทคนิค gain-of-function หรือ directed evolution อย่างไรก็ตาม ไฟเซอร์ไม่ได้ยืนยันหรือปฏิเสธว่าบุคคลในคลิปวิดีโออื้อฉาวนั้นเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของทางบริษัทหรือไม่

ถ้อยแถลงนี้ถูกเผยแพร่ออกมา หลังจากปรากฏคลิปจากกล้องที่ซุกซ่อนโดยกลุ่มเคลื่อนไหว Project Veritas เป็นที่พูดถึงอย่างกว้างขวางบนทวิตเตอร์ โดยในวิดีโอที่มีผู้เข้าชมแล้วมากกว่า 25 ล้านวิว นับตั้งแต่ถูกเผยแพร่เมื่อวันที่ 25 มกราคม เป็นคลิปชายคนหนึ่ง ซึ่งทาง Project Veritas อ้างว่าเป็นผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและพัฒนาของไฟเซอร์ กำลังกล่าวอ้างต่างๆ

ดูเหมือนว่าชายคนดังกล่าวถูกหลอกติดกับดักให้พูดคุยกับผู้สื่อข่าวคนหนึ่งของ Project Veritas ที่ปลอมตัวมา และระหว่างนั้นได้เล่าว่า ไฟเซอร์กำลังวิจัยโดยตั้งใจสำหรับกลายพันธุ์ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ เพื่อชิงพัฒนาวัคซีนล่วงหน้า พร้อมเชื่อมันจะสร้างรายได้แก่บริษัทอย่างมหาศาล

เมื่อถูกถามว่าการวิจัยนี้คล้ายกับการวิจัยแบบ gain-of-function หรือไม่ ชายคนดังกล่าว ตอบว่า "แน่นอน มันไม่ใช่ gain-of-function ส่วน directed evolution นั้นต่างกันเล็กน้อย คุณไม่ควรจะวิจัยแบบ gain-of-function กับไวรัสใดๆ"

การวิจัยแบบ gain-of-function เป็นการวิจัยทางการแพทย์ที่เปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมสิ่งมีชีวิตหนึ่งๆ ในแนวทางของการสร้างซูเปอร์ไวรัสขึ้นมาเพื่อศึกษาว่ามันจะมีโอกาสเกิดขึ้นได้อย่างไร และจะปัองกันหรือรักษามันได้อย่างไรหากเกิดซูเปอร์ไวรัสดังกล่าวขึ้น

รันด์ พอล วุฒิสมาชิกจากรีพับลิกัน เคยกล่าวอ้างว่าเงินของสหรัฐฯ เคยถูกนำไปสนับสนุนงานวิจัยแบบ gain-of-function ที่ห้องปฏิบัติการในอู่ฮั่น ท่ามกลางทฤษฎีสมคบคิดที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ กล่าวหาว่าโควิด-19 หลุดออกมาจากห้องแล็บหนึ่งในจีน

อย่างไรก็ตาม นายแพทย์แอนโทนี เฟาซี ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดต่อแห่งชาติสหรัฐฯ ระหว่างปี 1984 ถึง 2022 และหัวหน้าที่ปรึกษาทางการแพทย์ของประธานาธิบดี ระหว่างปี 2021-2022 โต้แย้งว่าการวิจัยไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ไม่เหมาะกับการวิจัยแบบ gain-of-function

ในวิกิพีเดีย ให้คำจำกัดความ Project Veritas ว่าเป็นกลุ่มนักเคลื่อนไหว "ขวาจัด" ที่เคยผลิตวิดีโอตัดต่อปลอมต่างๆ อย่างไรก็ตาม ในส่วนของไฟเซอร์ บริษัทยาใหญ่ที่สุดในโลกก็เคยถูกกล่าวหาโกหกหลอกลวงในอดีตที่ผ่านมาเช่นกัน ตามรายงานของเวลส์ออนไลน์



เมื่อเดือนกันยายน 2009 ไฟเซอร์สารภาพผิดโทษฐานทำการตลาดโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายผลิตภัณฑ์ยาต้านอักเสบ valdecoxib และยินยอมจ่ายเงินยุติคดี 2,300 ล้านดอลลาร์ นับเป็นการจ่ายเงินแลกยุติคดีครั้งใหญ่ที่สุดของภาคดูแลสุขภาพในช่วงเวลาดังกล่าว และมันนับเป็นการจ่ายเงินแลกยุติการดำเนินคดีครั้งที่ 4 ของไฟเซอร์ในรอบทศวรรษ

ล่าสุด ในวันที่ 26 มกราคมที่ผ่านมา ทาง มาร์โค รูบิโอ วุฒิสภาจากฟลอริดาของพรรครีพับลิกัน ซึ่งได้รับแรงกระตุ้นจากการเปิดเผยวิดีโอของทาง Project Veritas เมื่อวันที่ 25 มกราคม เผยแพร่จดหมายเปิดผนึกถึง อัลเบิร์ต บัวร์ลา ประธานและซีอีโอของไฟเซอร์ ถามว่า "ไฟเซอร์กำลังพยายามทำอะไรในปัจจุบัน มีแผนหรือกำลังง่วนอยู่กับการกลายพันธุ์ไวรัส SARS-CoV-2 หรือไม่"

ไฟเซอร์ ตอบโต้คำกล่าวหาของทาง Project Veritas ในถ้อยแถลงที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ของทางบริษัทเมื่อวันที่ 27 มกราคม แต่คำแถลงไม่ได้พาดพิงโดยตรงถึงวิดีโอของทาง Project Veritas รวมถึงไม่ได้ยืนยันหรือปฏิเสธว่าบุคคลในวิดีโอเป็นผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและพัฒนาของพวกเขาหรือไม่

อย่างไรก็ตาม ไฟเซอร์ตอบโต้คำอ้างเกี่ยวกับงานวิจัย โดยระบุว่า "มีคำกล่าวอ้างต่างๆ เมื่อเร็วๆ นี้ ในเรื่องเกี่ยวกับงานวิจัยแบบ gain-of-function และ directed evolution ที่ไฟเซอร์ และทางบริษัทอยากจะขอแจกแจงแก้ไขความเข้าใจผิด

ถ้อยแถลงบอกว่า "ในการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ไฟเซอร์/ไบออนเทคที่กำลังดำเนินการอยู่ ไฟเซอร์ไม่ได้ดำเนินการวิจัยแบบ gain-of-function หรือ directed evolution ภายใต้การทำงานกับผู้ร่วมโครงการ เราทำการวิจัยในขอบเขตที่ไวรัส SARS-CoV-2 ตัวดั้งเดิม ถูกใช้ในการผลิตสารโปรตีนสไปค์จากสายพันธุ์ที่น่ากังวลใหม่ๆ"

"งานวิจัยนี้จะดำเนินการเมื่อครั้งที่ไวรัสตัวกลายพันธุ์ที่น่ากังวลหนึ่งถูกระบุโดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุข งานวิจัยนี้มอบหนทางให้เราประเมินอย่างรวดเร็วเกี่ยวกับประสิทธิภาพของวัคซีนที่มีอยู่ในปัจจุบัน ต่อการกระตุ้นแอนติบอดีชนิดลบล้างฤทธิ์โควิดสายพันธุ์ใหม่ที่มีความน่ากังวล" ถ้อยแถลงระบุ

"จากนั้นเราจะเปิดให้ข้อมูลนี้สามารถหยิบหาได้ผ่านวารสารทางวิทยาศาสตร์ หลังผ่านการตรวจทานทางวิชาการแล้ว และใช้มันเป็นหนึ่งในก้าวย่างของการสรุปว่าวัคซีนรุ่นอัปเดตมีความจำเป็นหรือไม่" ไฟเซอร์กล่าว

(ที่มา : เวลส์ออนไลน์/pfizer.com)


กำลังโหลดความคิดเห็น