เอเจนซีส์/รอยเตอร์ - ชายชาวรัสเซีย 5 คนยังคงติดค้างอยู่ภายในท่าอากาศยานนานาชาติอินชอน ของเกาหลีใต้มาไม่ต่ำกว่าตุลาคมปีที่แล้ว หลังพยายามขอลี้ภัยในเกาหลีใต้แต่โดนปฏิเสธ กระทรวงยุติธรรมโซลประกาศไม่มีคุณค่าแม้กระทั่งนำมาพิจารณา มอสโกสั่งแบนเว็บไซต์ทางการ FBI และ CIA อ้างเป็นแหล่งต้นตอข่าวลือและเฟกนิวส์
CNN สื่อสหรัฐฯ รายงานวันเสาร์ (28 ม.ค.) ว่า ทนายความ ลี จอง-ชาน (Lee Jong-chan) ของชาวรัสเซียทั้ง 5 คนที่อาศัยอยู่ภายในท่าอากาศยานอินชอนเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า ลูกความ 3 คนเดินทางมาถึงกรุงโซลตั้งแต่ตุลาคมปีที่แล้ว และที่เหลืออีก 2 คนเดินทางเข้าในเดือนพฤศจิกายน
ลีเปิดเผยว่า ชายชาวรัสเซียเดินทางออกจากรัสเซียหลังได้รับหมายเกณฑ์ทหารนั้นได้ยื่นเรื่องต่อรัฐบาลโซลเพื่อขอลี้ภัยในเกาหลีใต้ แต่ทว่ากลับถูกกระทรวงยุติธรรมเกาหลีใต้ปฏิเสธ ส่งผลทำให้ลูกความทั้งหมดต้องติดค้างอยู่ภายในสนามบินในโซนขาออกมานานหลายเดือนระหว่างรอผลการยื่นเรื่องอุทธรณ์
สถานการณ์ของชาวรัสเซียเหล่านี้ไม่ต่างจากภาพยนตร์ The Terminal ชื่อดังของฮอลลีวูดมากเท่าไหร่ เพราะคนทั้งหมดต้องอยู่อย่างจำกัดภายในสนามบิน อาบน้ำในห้องสุขา ซักผ้าด้วยมือที่อ่างล้างมือและประทังชีพด้วยขนมปังและน้ำแค่ 1 มื้อช่วงเที่ยงเท่านั้น
คำสั่งการเคลื่อนกำลังบางส่วนของประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน เมื่อกันยายนปีที่แล้วส่งผลทำให้มีชาวรัสเซียจำนวนมากที่ไม่เห็นด้วยตัดสินใจอพยพออกนอกประเทศ มีทั้งข้ามแดนทั้งทางบก หรือที่มีเงินที่สามารถหาตั๋วโดยสารเครื่องบินได้จะเดินทางออกไป
CNN รายงานว่าจากข้อมูลพบว่ามีชาวรัสเซียไม่ต่ำกว่า 200,000 คน หนีออกนอกประเทศไป จอร์เจีย คาซัคสถาน และสหภาพยุโรป ในสัปดาห์แรกที่มีการประกาศคำสั่งเรียกเกณฑ์ออกมา
บิสซิเนสอินไซเดอร์รายงานว่า วลาดิมีร์ มาราคทีฟ (Vladimir Maraktaev) นักศึกษามหาวิทยาลัยวัย 23 ปี เปิดเผยกับวอชิงตันโพสต์ถึงสาเหตุการหนีออกมาว่า “ผมไม่ต้องการทำร้ายคนอื่น ผมไม่อยากตายและผมคิดว่าความขัดแย้งนี้มีความเป็นการเมืองอย่างมาก”
และเขาเสริมว่า “มันเป็นสงครามที่มีความเป็นจักรวรรดินิยมสูงในความคิดของผม เข้ายึดประเทศเพื่อนบ้านที่เป็นพี่น้องของตัวเอง”
ทั้งนี้ เขาได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อ โคเรียไทม์ส (Korea Times) ในเดือนมกราคมถึงช่องทางหลบหนีว่า ในตอนแรกเขาขับรถเดินทางข้ามพรมแดนทางบกจากรัสเซียเข้าไปในมองโกเลีย และบินจากสนามบินที่นั่นเข้าไปฟิลิปปินส์
มาราคทีฟ อาศัยในกรุงมะนิลานานไม่กี่สัปดาห์ก่อนที่จะบินเข้าเกาหลีใต้เมื่อวันที่ 12 พ.ย. โดยเครื่องลงจอดที่สนามบินอินชอน บิสซิเนสอินไซเดอร์รายงาน
ในรายงานของวอชิงตันโพสต์พบว่า แต่ทว่ามาราคทีฟเหมือนเช่นพลเมืองรัสเซียคนอื่นๆ ที่ถูกโซลปฏิเสธคำขอเข้าประเทศ และไม่อนุญาตให้เดินทางออกนอกสนามบิน
CNN ชี้ว่า กระทรวงยุติธรรมเกาหลีใต้ปฏิเสธหนังสือร้องขอลี้ภัยของคนเหล่านี้ โดยให้เหตุผลว่า "ไม่มีคุณค่าในการพิจารณา" จากการไม่ยอมเข้าร่วมการเกณฑ์ทหารนั้นไม่อยู่บนพื้นฐานของการพิจารณาคำขอร้องเพื่อลี้ภัย อ้างอิงจากทนายความของชาวรัสเซียทั้ง 5
ขณะเดียวกัน มอสโกซึ่งยังคงออกปฏิบัติการพิเศษทางทหารในยูเครน รอยเตอร์รายงานวันศุกร์ (27) ว่า ผู้กำกับทางการสื่อสารรัสเซีย รอสคอมนาดซอร์ (Roskomnadzor) ประกาศในวันศุกร์ (27) ว่า รัสเซียสั่งแบนเว็บไซต์ทางการของ FBI และ CIA ของสหรัฐฯ ห้ามพลเมืองรัสเซียเข้าชม โดยกล่าวหาสำนักงานด้านความมั่นคงสหรัฐฯ ทั้ง 2 แห่งว่าเผยแพร่ข้อมูลเป็นเท็จ อ้างอิงจากสำนักข่าว TASS ของรัสเซีย
TASS รายงานว่า ทั้ง FBI และ CIA เผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จและเป็นข้อมูลที่เป็นผลทางลบต่อกองกำลังรัสเซีย ทั้งนี้ มอสโกออกคำสั่งให้ถือเป็นความผิดทางอาญาในการกล่าวให้ร้ายหรือดิสเครดิตต่อกองกำลังรัสเซียและมีโทษจำคุกสูงสุดนาน 5 ปีในเรือนจำ และการเผยแพร่ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับกองทัพรัสเซียมีโทษจำคุกสูงสุด 15 ปี
ในแถลงการณ์ระบุว่า “รอสคอมนาดซอร์ได้จำกัดการเข้าถึงทรัพยากรจำนวนหนึ่งที่มีโครงสร้างรัฐปรปักษ์เป็นเจ้าของเพื่อทำลายข้อมูลที่มีเป้าหมายเพื่อทำให้สถานการณ์ทางการเมืองและสังคมรัสเซียเกิดความสั่นคลอน”
กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวผ่านแถลงการณ์ทางอีเมลกับรอยเตอร์ว่า ทางสหรัฐฯ ไม่แปลกใจในความเคลื่อนไหวครั้งนี้ของรัสเซีย ซึ่งสอดคล้องไปกับคำสั่งแบนเว็บไซต์อื่นๆ จำนวนมากก่อนหน้า