เกิดเหตุชายชาวปาเลสไตน์บุกกราดยิงโบสถ์ยิวที่เยรูซาเลมตะวันออก ทำให้มีผู้เสียชีวิต 7 ราย และบาดเจ็บอีก 3 รายเมื่อวานนี้ (27 ม.ค.) ท่ามกลางสถานการณ์ที่ทวีความตึงเครียดหนักหลังจากกองกำลังอิสราเอลบุกตรวจค้นค่ายผู้อพยพที่เมืองเจนิน (Jenin) ในเขตเวสต์แบงก์จนทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก
ตำรวจอิสราเอลแถลงว่า มือปืนรายนี้เดินทางไปถึงโบสถ์เมื่อเวลาราว 20.15 น. ก่อนจะชักปืนไล่ยิงผู้คน และพยายามขึ้นรถหลบหนีแต่ถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญฯ ได้ในที่สุด ขณะที่สถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นเผยภาพหน่วยกู้ภัยทยอยลำเลียงร่างผู้เสียชีวิตออกมาวางไว้ที่ถนนด้านนอก
ตำรวจยืนยันว่าคนร้ายเป็นชายปาเลสไตน์วัย 21 ปี ซึ่งอาศัยอยู่ในเยรูซาเลมตะวันออก คาดว่าลงมือก่อเหตุเพียงลำพัง พร้อมประกาศให้เหตุกราดยิงครั้งนี้เป็น “การก่อการร้าย” ขณะที่หลายฝ่ายยิ่งกังวลว่าความขัดแย้งที่คุกรุ่นมาหลายเดือนจะทวีความรุนแรงขึ้นอีก หลังกองกำลังป้องกันตนเองอิสราเอล (IDF) ได้บุกตรวจค้นค่ายผู้อพยพที่เจนินเมื่อวันพฤหัสบดี (26) และสังหารชาวปาเลสไตน์ไปอย่างน้อย 9 คน
โฆษกกลุ่มฮามาส (Hamas) ออกมายกย่องการกระทำของมือปืนรายนี้ว่าเป็นการ “ตอบโต้อาชญากรรมของพวกที่ยึดครองเจนิน” ขณะที่กลุ่มติดอาวุธ อิสลามิก ญิฮาด (Islamic Jihad) ก็ออกคำแถลงสดุดีมือปืนรายนี้เช่นกัน ทว่าไม่ได้ประกาศอ้างความรับผิดชอบ
รัฐบาลสหรัฐฯ และอันโตนิโอ กูเตียร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ ต่างออกมาประณามเหตุกราดยิงโบสถ์ยิวครั้งนี้ ซึ่งเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันก่อนที่ แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ จะมีกำหนดเดินทางเยือนอิสราเอลและเวสต์แบงก์
ทำเนียบขาวระบุว่า ประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ได้พูดคุยกับนายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู แห่งอิสราเอล และเสนอที่จะ “มอบความช่วยเหลือที่เหมาะสมทุกอย่าง”
ค่ายผู้อพยพที่เจนินเป็นหนึ่งในศูนย์กลางกิจกรรมของกลุ่มติดอาวุธปาเลสไตน์ และถูกกองกำลังอิสราเอลบุกตรวจค้นอยู่เนืองๆ ทว่าชาวบ้านในพื้นที่เล่าว่าปฏิบัติการตรวจค้นเมื่อวันพฤหัสบดี (26) มีการบุกลึกเข้าไปในค่ายยิ่งกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา
ที่มา : รอยเตอร์