ประเทศไหนที่เตรียมมอบเครื่องบินขับไล่ F-16 แก่ยูเครน จะไม่เจอกับปัญหาขาดแคลนทางอุปทานอย่างแน่นอน จากคำยืนยันของล็อคฮีด มาร์ติน บริษัทผู้ผลิตอาวุธสัญชาติสหรัฐฯ ระบุเมื่อช่วงกลางสัปดาห์ บ่งชี้ว่าพวกเขาพร้อมยกระดับกำลังผลิตให้ทันต่อความต้องการใหม่ๆ
ระหว่างให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทมส์เมื่อวันพุธ (25 ม.ค.) แฟรงค์ เซนต์ จอห์น ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของล็อคฮีด มาร์ติน เปิดเผยว่าได้มีการพูดคุยมากมายกับบรรดาประเทศที่ 3 เกี่ยวกับส่งมอบเครื่องบิน F-16 ซึ่งหมายถึงชาติต่างๆ ที่ปรารถนาซื้อเครื่องบินรุ่นนี้ แล้วนำส่งออกต่อไปยังยูเครน
แม้ ล็อคฮีด ไม่ได้มีส่วนร่วมโดยตรงในการเจรจาใดๆ เกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการส่งมอบเครื่องบิน F-16 ให้แก่เคียฟ แต่ เซนต์ จอห์น เน้นย้ำว่า กระนั้นทางบริษัทมีแผนยกระดับกำลังผลิตเครื่องบินขับไล่รุ่นนี้สู่ระดับที่จะสามารถชดเชยศักยภาพของชาติใดก็ตามที่เลือกเป็นประเทศที่ 3 ส่งมอบเครื่องบิน F-16 แก่ยูเครน ท่ามกลางสถานการณ์ความขัดแย้งในปัจจุบัน
ถ้อยแถลงของเขามีขึ้นหลังจากสหรัฐฯ และ เยอรมนี เพิ่งแถลงในช่วงกลางสัปดาห์เช่นกัน ว่าจะส่งมอบรถถังหนักแก่ยูเครน ความเคลื่อนไหวที่โหมกระพือการสนทนาเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการส่งมอบอาวุธอื่นๆ ในขณะที่เคียฟเน้นย้ำข้อเรียกร้องสำหรับร้องขอขีปนาวุธและเครื่องบินรบเพิ่มเติม
อย่างไรก็ตาม จนถึงตอนนี้วอชิงตันยังคงลังเลที่จะมอบเครื่องบินขับไล่ใดๆ แก่ยูเครน ด้วยกังวลว่ามันอาจถูกใช้โจมตีดินแดนรัสเซีย โหมกระพือให้ความขัดแย้งที่ลากยาวมากว่า 11 เดือนระหว่างมอสโกกับเคียฟ ลุกลามบานปลายมากยิ่งขึ้น
ยิ่งไปกว่านั้น การขายเครื่องบินขับไล่ที่ผลิตโดยสหรัฐฯ หรือการส่งมอบสู่ประเทศที่ 3 จำเป็นต้องผ่านความเห็นชอบจากทำเนียบขาวเสียก่อน ซึ่งในเรื่องนี้เจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมรายหนึ่งของอเมริกา เปิดเผยกับไฟแนนเชียลไทม์ส ว่า วอชิงตันยังคงติดต่อกับพันธมิตรและคู่หูนานาชาติในสิ่งจำเป็นสำหรับยูเครน แต่ไม่มีเกี่ยวข้องกับฝูงบิน F-16
กระนั้นก็ตามอีกด้านหนึ่ง เนเธอร์แลนด์ ซึ่งมีเครื่องบิน F-16 ในฝูงบินราวๆ 40 ลำ เมื่อเร็วๆ นี้บอกว่าจะพิจารณาด้วย "ใจเปิดกว้าง" ต่อคำร้องขออย่างเป็นทางการใดๆ ที่ขอให้มอบเครื่องบินรบแก่เคียฟ และบอกว่าพวกเขาไม่มีข้อห้ามใดๆ ในเรื่องการมอบแรงสนับสนุนด้านการทหาร
เมื่อเร็วๆ นี้ รัสเซียออกมาเตือนตะวันตกว่าการเดินหน้าส่งมอบอาวุธแก่ยูเครน รังแต่จะทำให้ความขัดแย้งยืดเยื้อ และก่อความเสี่ยงเกิดการเผชิญหน้าโดยตรงระหว่างมอสโกกับนาโต้ พร้อมย้ำว่ากองกำลังของพวกเขาจะปฏิบัติกับระบบอาวุธของต่างชาติในยูเครน ในฐานะเป้าหมายที่ชอบธรรม
(ที่มา : อาร์ทีนิวส์/ไฟแนนเชียลไทม์ส)