ศาลสูงโตเกียวพิพากษายืนวันนี้ (18 ม.ค.) ให้อดีตผู้บริหาร 3 คนของบริษัท โตเกียว อิเล็กทริก เพาเวอร์ โค หรือ “เทปโก” (TEPCO) ไม่มีความผิดทางอาญาฐานละเลย จากกรณีที่เกิดภัยพิบัตินิวเคลียร์ที่โรงไฟฟ้าฟูกูชิมะ เมื่อปี 2011
คำตัดสินดังกล่าวถูกเผยแพร่โดยกลุ่มนักเคลื่อนไหวที่สนับสนุนให้เอาผิดกับผู้บริหารทั้ง 3 คน ในคดีอาญาหนึ่งเดียวที่สืบเนื่องภัยพิบัตินิวเคลียร์ครั้งร้ายแรงที่สุดของโลก ถัดจากกรณีโรงไฟฟ้าเชอร์โนบิลระเบิดเมื่อปี 1986
แผ่นดินไหวขนาด 9.0 แมกนิจูดเมื่อวันที่ 11 มี.ค. ปี 2011 ส่งผลให้เกิดคลื่นสึนามิขนาดใหญ่ซัดถล่มพื้นที่ชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น น้ำทะเลที่ไหลเข้าไปในโรงไฟฟ้าฟูกูชิมะ ทำให้ไฟฟ้าช็อต ระบบหล่อเย็นเสียหายใช้การไม่ได้ ความร้อนที่เพิ่มขึ้นทำให้แท่งเชื้อเพลิงในเตาปฏิกรณ์ปรมาณู 3 ใน 6 เครื่องหลอมละลาย และมีกัมมันตภาพรังสีรั่วไหลแผ่กระจายออกสู่ภายนอก
แม้คลื่นสึนามิจะทำให้มีผู้คนล้มตายไปมากถึง 18,500 คน ทว่าจนถึงขณะนี้ไม่มีบันทึกการเสียชีวิตที่เกี่ยวข้องโดยตรงจากภัยพิบัตินิวเคลียร์ฟูกูชิมะ ซึ่งทำให้ผู้คนที่อาศัยอยู่โดยรอบโรงไฟฟ้าต้องอพยพหนี และหลายพื้นที่ยังไม่สามารถกลับเข้าไปไปอยู่อาศัยได้
คำพิพากษาศาลสูงในวันนี้ (18) เป็นไปตามความเห็นของศาลชั้นต้นที่ตัดสินเมื่อเดือน ก.ย. ปี 2019 ว่า อดีตผู้บริหารเทปโกทั้ง 3 คน “ไม่สามารถคาดเดาได้ล่วงหน้าว่าจะเกิดคลื่นสึนามิที่รุนแรงจนนำมาสู่หายนะเช่นนี้” และด้วยเหตุผลดังกล่าวจึงนับว่าปราศจากความผิดอาญา
จำเลยกลุ่มนี้อาจมีโทษจำคุกสูงสุด 5 ปี หากศาลวินิจฉัยว่ามีความผิดจริง ขณะที่ญาติผู้เสียหายยังเรียกร้องหาความรับผิดชอบจากผู้บริหารทั้ง 3 คน เนื่องจากมีชาวบ้านผู้อพยพกว่า 40 คนที่ล้มป่วยเข้าโรงพยาบาลและเสียชีวิตลง
คดีอาญานี้ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก หลังจากศาลได้ตัดสินเมื่อเดือน ก.ค. ให้จำเลยทั้ง 3 กับอดีตผู้บริหารเทปโกอีก 1 คนมีความผิดทางแพ่ง และต้องชดใช้ค่าเสียหายรวมกันถึง 13.32 ล้านล้านเยน (ราว 3.37 ล้านล้านบาท)
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญกฎหมายชี้ว่า วงเงินค่าเสียหายซึ่งถือว่ามากเป็นประวัติการณ์สำหรับคดีแพ่งในญี่ปุ่นมีผลแค่ “ในเชิงสัญลักษณ์” เท่านั้น เนื่องจากจำเลยทั้ง 4 คนคงไม่สามารถหาเงินมากขนาดนี้มาจ่ายได้
ที่มา : เอเอฟพี