เอพี/เอเอฟพี/เอเจนซีส์ - เจ้าหน้าที่เนปาลยืนยันว่า มีคนไม่ต่ำกว่า 68 คนบนเครื่องสายการบินเยติ แอร์ไลน์ส (Yeti Airlines) ที่มีทั้งหมด 72 คน เกิดตกที่ช่องแคบระหว่างภูเขาใกล้สนามบินนานาชาติโปขระก่อนเวลา 11.00 น.วันอาทิตย์ (15 ม.ค.) ผู้โดยสารบนเครื่องรวมทารก 2 คน และผู้โดยสารต่างชาติอีก 15 คน เป็นโศกนาฏกรรมครั้งร้ายแรงมากที่สุดในรอบ 30 ปี
เอพีรายงานวันนี้ (15 ม.ค.) เครื่องบินสายการบินเยติ แอร์ไลน์ส (Yeti Airlines) ซึ่งมีคนทั้งหมดบนเครื่อง 72 คน รวมลูกเรือ 4 คน ตกที่ช่องแคบระหว่างเขาใกล้กับสนามบินนานาชาติโปขระ (Pokhara) ในเช้าวันอาทิตย์ (15)
ในจำนวนผู้โดยสารทั้งหมด มีผู้โดยสารชาวต่างชาติจำนวน 15 คน โดยเป็นชาวอินเดีย 5 คน ชาวรัสเซีย 4 คน ชาวเกาหลี 2 คน ชาวไอร์แลนด์ 1 คน ชาวออสเตรเลีย 1 คน ชาวอาร์เจนตินา 1 คน และชาวฝรั่งเศส 1 คน
แต่ทว่าหนังสือพิมพ์กาฐมาณฑุกลับรายงานว่า มีผู้โดยสารต่างชาติ 10 คน และผู้โดยสารวัยทารกอีก 2 คนรวมอยู่ในกลุ่มผู้โดยสารบนเครื่อง
เครื่องบินรุ่น ATR 72 แบบ 2 เครื่องยนต์ของเยติ แอร์ไลน์ส เดินทางออกจากสนามบินในกรุงกาฐมาณฑุมายังโปขระ ในเส้นทางบินที่มีระยะเวลา 27 นาที
เจ้าหน้าที่การบินเนปาลกล่าวว่า เครื่องบินติดต่อเป็นครั้งสุดท้ายกับสนามบินจากช่องเขาเซติ (Seti) เวลา 10.50 น.ของวันอาทิตย์ (15) ก่อนเครื่องตก
หนังสือพิมพ์นิวยอร์กโพสต์รายงานว่า นายกรัฐมนตรีเนปาล พุชปา คามัล ดาฮาล (Pushpa Kamal Dahal) ซึ่งเคยเป็นอดีตหัวหน้ากองโจรและกบฏคอมมิวนิสต์ ได้เรียกประชุม ครม.ฉุกเฉินทันทีหลังเครื่องตก พร้อมกับออกคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ความมั่นคงเนปาลให้การสนับสนุนปฏิบัติการกู้ภัยทันที
ทีมกู้ภัยถูกส่งไปยังจุดตกด้วยเฮลิคอปเตอร์ หนังสือพิมพ์กาฐมาณฑุโพสต์รายงาน เอพีกล่าวว่า เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องใช้เชือกดึงร่างผู้เสียชีวิตออกมาจากซากเครื่องบินตก และพบว่าซากบางส่วนนั้นอยู่บริเวณขอบช่องแคบระหว่างภูเขาอย่างน่าหวาดเสียว
และมีร่างผู้โดยสารจำนวนหนึ่งถูกเผาจนกลายเป็นตอตะโกจนยากที่จะระบุได้ว่าเป็นใคร ซึ่งศพผู้เสียชีวิตเหล่านี้ถูกเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเนปาลนำไปโรงพยาบาลที่มีญาติผู้ประสบภัยกำลังเฝ้ารอ
ทั้งนี้ ยังไม่ทราบสาเหตุการตกของเครื่อง
หนึ่งในพยานที่เห็นเหตุการณ์กล่าวว่า เขาได้เห็นเครื่องบินหมุนอย่างน่ากลัวกลางอากาศหลังจากเครื่องพยายามที่จะร่อนลงจอด เป็นการมองเห็นเหตุการณ์จากชานบ้านของเขาเอง
กอราฟ กูรุง (Gaurav Gurung) พยานกล่าวว่าเครื่องบินตกลงที่ช่องแคบระหว่างภูเขา
เอเอฟพีรายงานว่า ภาพที่ปรากฏทางโซเชียลมีเดียนั้นถ่ายขึ้นหลังเครื่องตกเป็นภาพไฟกำลังโหมลุกไหม้อยู่บนพื้นขณะที่มีควันดำพวยพุ่งสู่ท้องฟ้า
บริเวณจุดตกนั้นเกลื่อนไปด้วยซากชิ้นส่วนเครื่อง ATR 72 รวมไปถึงที่นั่งโดยสาร
ขณะที่วิดีโอคลิปที่เผยแพร่ออกไปทางโลกโซเชียลแสดงว่าเครื่องบินกำลังบินในลักษณะต่ำเหนือเขตที่อยู่อาศัย ก่อนที่เครื่องจะเกิดเอียงซ้ายอย่างฉับพลันก่อนเกิดการระเบิดเสียงดัง
กองทัพเนปาลกล่าวกับเอเอฟพีซึ่งรายงานยอดผู้เสียชีวิต 67 รายว่า มาจนถึงเวลานี้สามารถเก็บกู้ร่างผู้เสียชีวิตได้แล้ว 29 คน แต่ยังมีอีก 33 คนที่ยังคงอยู่ที่จุดตก
โฆษกกองทัพเนปาลแถลงว่า เครื่องบินตกลงในช่องแคบระหว่างภูเขา ดังนั้น จึงเป็นปฏิบัติการที่ยากลำบาก และมาจนถึงเวลานี้ยังไม่ค้นพบผู้รอดชีวิต
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นรายหนึ่งออกมาเปิดเผยว่า มีการนำตัวผู้รอดชีวิตบางส่วนส่งโรงพยาบาล แต่ทว่าเอเอฟพีชี้ว่า ยังไม่มีการยืนยันว่าผู้รอดชีวิตเหล่านี้มาจากเที่ยวบินมรณะ หรือมาจากสายการบินอื่น
เตค บาฮาดูร เค.ซี (Tek Bahadur K.C) เจ้าหน้าที่เขตคาสกี (Kaski) แสดงความเห็นว่า เขาคาดว่าทีมกู้ภัยจะสามารถหาศพเพิ่มจากก้นช่องแคบระหว่างภูเขาซึ่งเป็นจุดตก
นายกรัฐมนตรีเนปาลได้รีบไปที่สนามบินหลังเกิดเหตุเครื่องบินเยติ แอร์ไลน์สตก ตั้งกรรมการเพื่อสอบสวนหาสาเหตุโศกนาฏกรรมครั้งร้ายแรงมากที่สุดในรอบ 30 ปีของเนปาล
เขาแถลงว่า “เหตุที่เกิดขึ้นเป็นเหตุโศนาฏกรรม กำลังทั้งหมดของกองทัพเนปาล ตำรวจเนปาล ถูกส่งไปสำหรับปฏิบัติการค้นหา”
กระทรวงต่างประเทศเกาหลีใต้กล่าวผ่านแถลงการณ์ว่า ทางกระทรวงยังคงต้องการยืนยันเกี่ยวกับพลเมืองชาวเกาหลี 2 คน และได้ส่งเจ้าหน้าที่สถานทูตเกาหลีใต้ไปยังจุดเกิดเหตุ