เอเจนซีส์ - ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน ตกท่ามกลางการตรวจสอบจากพรรครีพับลิกัน หลังบ่ายวันพุธ (11 ม.ค.) สื่ออเมริกันพากันรายงานเอกสารลับสหรัฐฯ ในสมัยไบเดนเป็นรอง ปธน.สหรัฐฯ ถูกพบเป็นครั้งที่ 2 แต่ในสถานที่ใหม่ หลังค้นเจอรอบแรกเมื่อพฤศจิกายนปีที่แล้ว 10 ชิ้น รวมเอกสารข่าวกรองลับสหรัฐฯ และบันทึกภายในสรุปเกี่ยวกับยูเครน อิหร่าน และอังกฤษ ในสำนักงานส่วนตัวที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ไบเดนวันอังคาร (10 ม.ค.) โอดรู้สึกประหลาดใจมาก แต่อ้างไม่มั่วเหมือนทรัมป์ เก็บอย่างดีภายในตู้เอกสารที่ปิดล็อกและส่งมอบคืนให้หอจดหมายเหตุแห่งชาติสหรัฐฯ NARA หลังพบ
CNN สื่อสหรัฐฯ รายงานวานนี้ (11 ม.ค.) ว่า ทีมกฎหมายประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน ล่าสุดค้นพบเอกสารลับสหรัฐฯ เพิ่มเติมเป็นครั้งที่ 2 หลังจากก่อนหน้ามีการพบเป็นครั้งแรกเมื่อพฤศจิกายนปีที่แล้ว ค้นเจอภายในสำนักงานใหญ่สถาบันธิงแทงก์ Penn Biden Center for Diplomacy and Global Engagement ของไบเดน ที่ปิดตัวไปในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ที่ได้รับรายงานสรุปเปิดเผยกับ CNN
การค้นพบเอกสารลับสหรัฐฯ เพิ่มเติมเกิดขึ้นหลังทีมกฎหมายของไบเดน พบว่ามีเอกสารทางการสหรัฐฯ อยู่ภายในสำนักงานส่วนตัว โดยหนึ่งในแหล่งข่าวเปิดเผยว่า การค้นพบครั้งแรกทำให้วิตกว่าอาจจะมีเอกสารลับอื่นๆ ตกค้างทำให้นำมาสู่การตรวจค้นในเวลาต่อมา
NBC News สื่อสหรัฐฯ เป็นสื่อแรกที่รายงานการค้นพบรอบ 2 ซึ่งความวิตกนี้มีเฉพาะวงในทำเนียบขาวที่รู้ในเรื่องนี้ ประกอบไปด้วยที่ปรึกษาและทีมกฎหมายจำนวนไม่กี่คน มีการระดมตรวจค้นพื้นที่อื่นๆ ที่เคยใช้งานเพื่อค้นหาเพิ่มเติม
CNN รายงานก่อนหน้าว่าการค้นพบเอกสารลับสหรัฐฯ รอบแรกของไบเดน เกิดขึ้นในขณะที่ทีมกฎหมายส่วนตัวของเขากำลังรวบรวมแฟ้มที่สำนักงานวอชิงตัน ดี.ซี. และประหลาดใจเมื่อพบว่ามี เอกสารลับสหรัฐฯ ปะปนราว 10 ชิ้น ที่รวมไปถึงเอกสารข่าวกรองลับสหรัฐฯ และบันทึกภายในสรุปเกี่ยวกับยูเครน อิหร่าน และอังกฤษ
เอกสารลับที่พบครั้งแรกบางส่วนประทับตรา “ความลับสุดยอด” โดยเอกสารเหล่านี้ค้นพบอยู่ในกล่อง 3-4 กล่องที่เก็บรวมกับเอกสารที่ไม่ปิดเป็นความลับซึ่งต้องถูกเก็บรักษาภายใต้กฎหมายบันทึกประธานาธิบดีสหรัฐฯ (Presidential Records Act)
การพบเอกสารลับสหรัฐครั้งที่ 2 เกิดขึ้นในจุดอื่น อ้างอิงจากสปุตนิก นิวส์ของรัสเซีย ซึ่งในการเปิดเผยค้นพบเอกสารลับสหรัฐฯ ครั้งที่ 2 วันพุธ (11) นี้ไม่มีการกล่าวถึงจำนวนของเอกสาร หรือลักษณะประเภทชั้นความลับและไม่มีการเปิดเผยถึงสถานที่ใหม่ที่พบ
CNN ชี้ว่า ก่อนหน้ารายงานการค้นพบเอกสารลับสหรัฐฯ ของไบเดนรอบใหม่วันพุธ (11) ทำเนียบขาวปฏิเสธที่จะออกมาแสดงความเห็นใดๆ
ทั้งนี้ เอกสารลับสหรัฐฯ รอบแรกที่พบเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 2 พ.ย.ปีที่แล้ว หรือแค่ 6 วันก่อนการเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐฯ (8 พ.ย.) แต่ทว่าทีมกฎหมายประธานาธิบดีสหรัฐฯ เลือกที่จะมาเปิดเผยต่อสาธารณะในวันจันทร์ (9) ก็ต่อเมื่อข่าวถูกรายงานผ่านสื่อออกไปแล้ว
ประธานาธิบดีไบเดน แสดงความเห็นวันอังคาร (10) ว่า เขารู้สึกประหลาดใจและไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีเอกสารความลับสหรัฐฯ บางส่วนของตัวเองในสมัยอดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ถูกนำมาไว้ที่สำนักงานส่วนตัวหลังจากพ้นตำแหน่ง แต่ได้กล่าวชื่นชมทีมกฎหมายของตัวเอง โดยกล่าวว่าทีมกฎหมายของเขา “ได้ทำในสิ่งที่สมควรทำ” ด้วยการติดต่อหอจดหมายเหตุแห่งชาติและบันทึกการบริหารสหรัฐฯ NARA (National Archives and Records Administration) ทันทีหลังการค้นพบในพฤศจิกายน
ไบเดนกล่าวโต้ว่า เอกสารลับที่พบถูกเก็บไว้ในกล่องภายในตู้เซฟที่ล็อกหรือไม่ก็อยู่ภายในตู้เอกสาร
CNN ชี้ว่าในวันพุธ (11) โฆษกทำเนียบขาวไม่สามารถตอบคำถามนักข่าวได้ว่าเหตุใดทั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไบเดน หรือทีมกฎหมายของเขาไม่เปิดเผยต่อสาธารณะก่อนหน้า โดยเฉพาะเงื่อนเวลาก่อนหน้าวันเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐฯ ปี 2022
ขณะที่พรรครีพับลิกัน และพันธมิตรอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศยืนยันจะเอาเรื่องและเปิดสอบสวน แต่ทว่า CNN ชี้ว่า ความแตกต่างระหว่างการค้นพบเอกสารลับจากคฤหาสน์ส่วนตัวของทรัมป์ ที่รัฐฟลอริดา และของไบเดน ที่สำนักงานธิงแทงก์กรุงวอชิงตัน ดี.ซี.นั้นมีความแตกต่างทั้งด้านจำนวน เพราะมีการค้นพบเอกสารลับหลายร้อยชิ้นที่คฤหาสน์ทรัมป์ แต่มีการค้นพบเอกสารลับไม่กี่สิบชิ้นของไบเดน
นอกเหนือจากนี้ สื่อสหรัฐฯ ชี้ว่า ทีมกฎหมายของไบเดนเป็นผู้ค้นพบและติดต่อ NARA ทันทีเพื่อส่งมอบ แต่ทว่าฝ่ายทรัมป์นั้นค้นพบจากการถูก FBI บุกค้นและพยายามถ่วงเวลาหรือตั้งข้อกังขาทางกฎหมายว่าเอกสารเหล่านั้นเป็นทรัพย์สินส่วนบุคคลของทรัมป์หรือไม่
ส.ว.พรรครีพับลิกัน จากรัฐเซาท์แคโรไลนา ลินด์ซีย์ แกรม (Lindsey Graham) ซึ่งอยู่ในคณะกรรมาธิการยุติธรรมสภาสูงสหรัฐฯ วันพุธ (11) ออกมาเรียกร้องให้รัฐมนตรียุติธรรมสหรัฐฯ เมอริค การ์แลนด์ (Merrick Garland) แต่งตั้งคณะกรรมการชุดพิเศษเพื่อสอบสวนในเรื่องนี้ให้กระจ่างเพื่อความเป็นธรรม
“ผมคิดว่าหากคุณเชื่อว่าคณะกรรมการพิเศษมีความจำเป็นเพื่อเป็นหลักประกันแก่สังคมเกี่ยวกับการจัดการเอกสารลับสหรัฐฯ โดยอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์แล้ว คุณสมควรต้องแต่งตั้งคณะกรรมการชุดพิเศษสำหรับการจัดการเอกสารอย่างผิดพลาดของประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน ที่เกิดขึ้นในขณะที่เขาดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ด้วยเช่นกัน” แกรมให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ฟ็อกซ์นิวส์
CNN รายงานว่า การ์แลนด์กำลังตกที่นั่งลำบากที่ต้องตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรในคดีนี้รวมไปถึงความน่าจะเป็นในการเปิดการสอบสวนอย่างเป็นทางการ แหล่งข่าวใกล้ชิดเปิดเผยกับสื่อสหรัฐฯ ก่อนหน้าว่า รัฐมนตรียุติธรรมสหรัฐฯ ได้ขอให้อัยการสหรัฐฯ ในรัฐชิคาโกทำการตรวจสอบ