ผู้เชี่ยวชาญเผยเจ้าชายแฮร์รีแห่งอังกฤษอาจถูกสหรัฐฯ ให้ออกนอกประเทศ ขณะที่วีซ่าเข้าเมืองของพระองค์ก็อาจตกอยู่ใน “ความเสี่ยง” ด้วย หลังจากทรงออกมาเผยผ่านบันทึกความทรงจำว่าเคยใช้ยาเสพติด
เว็บไซต์เดลีเมลรายงานว่า ดยุกแห่งซัสเซสซ์ วัย 38 พรรษา ทรงยอมรับผ่านหนังสือบันทึกความทรงจำ Spare ที่จะวางจำหน่ายในวันที่ 10 ม.ค.ว่าเคยเสพทั้งโคเคน กัญชา และเห็ดเมา
ทั้งนี้ ไม่มีข้อมูลชัดเจนว่าเจ้าชายแฮร์รีซึ่งย้ายไปอยู่แคลิฟอร์เนีย กับ เมแกน มาร์เคิล ตั้งแต่ปี 2020 ได้ทรงแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับการใช้สารเสพติดขณะที่ยื่นขอวีซ่าสหรัฐฯ หรือไม่ ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านคนเข้าเมืองเตือนว่า หากเจ้าชายทรงโกหกหรือปิดบังเกี่ยวกับพฤติกรรมการเสพยาในอดีตก็อาจถูกทางการสหรัฐฯ เพิกถอนวีซ่า
เจ้าชายแฮร์รี ทรงเล่าไว้ในหนังสือ Spare ว่า ทรงเสพโคเคนครั้งแรกตอนอายุ 17 และเสพต่อเนื่องมาอีกหลายครั้ง อีกทั้งยังเคยใช้สารหลอนประสาทในงานปาร์ตี้ที่เต็มไปด้วยบุคคลดังในแคลิฟอร์เนีย รวมถึงทรงเสพกัญชาตอนออกเดตครั้งแรกกับ เมแกน
กฎหมายคนเข้าเมืองสหรัฐฯ ระบุไว้ว่า “ผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดหรืออาชญากรรมทั้งในปัจจุบันและอดีต อาจขาดคุณสมบัติในการยื่นขอวีซ่า” ขณะที่หนังสือพิมพ์ซันเดย์ไทม์สชี้ว่า ผู้เคยมีประวัติใช้ยาเสพติดส่วนใหญ่จะถูกปฏิเสธวีซ่าเข้าสหรัฐฯ แม้การตัดสินใจอนุญาตให้บุคคลเข้าประเทศนั้นจะพิจารณา “เป็นกรณีๆ ไป” ก็ตาม
นักวิเคราะห์ตั้งข้อสังเกตว่า เจ้าชายแฮร์รีน่าจะทรงถือวีซ่า O-1 จากการมีคู่สมรสเป็นชาวอเมริกัน ซึ่งวีซ่าประเภทนี้จะต้องต่ออายุทุกๆ 3 ปี และเนื่องจากครอบครัวซัสเซกซ์ได้ย้ายไปอยู่แคลิฟอร์เนียตั้งแต่ปี 2020 นั่นเท่ากับว่าวีซ่าของเจ้าชายแฮร์รีกำลังจะหมดอายุลงในปีนี้ และการที่พระองค์ออกมาแฉประวัติการใช้ยาเสพติดของตัวเองก็อาจมีผลต่อการที่สหรัฐฯ จะพิจารณาต่ออายุวีซ่าให้หรือไม่ด้วย
“พระองค์จะต้องถูกถาม (เรื่องการใช้สารเสพติด) อยู่แล้ว ซึ่งถ้าที่ผ่านมาทรงตอบตามความจริง ก็น่าจะทรงถูกปฏิเสธวีซ่าไปแล้ว” อัลเบอร์โต เบนิเตซ อาจารย์และผู้อำนวยการ Immigration Clinic ในสังกัดมหาวิทยาลัยจอร์จวอชิงตัน ให้ข้อมูลกับสื่อเดอะเทเลกราฟของอังกฤษ
เบนิเตซ ย้ำว่า หากเจ้าชายแฮร์รีไม่ได้แจ้งเรื่องการใช้สารเสพติดต่อเจ้าหน้าที่คนเข้าเมืองสหรัฐฯ ก็จะถือว่า “ให้ข้อมูลเท็จ” ในเอกสารราชการ แต่ตั้งข้อสังเกตว่าเจ้าชายอาจทรงได้รับความช่วยเหลือเป็นกรณีพิเศษจากการที่ทรงเป็นสมาชิกราชวงศ์อังกฤษ
“ถ้าพระองค์ไม่ใช่ปรินซ์แฮร์รี แต่เป็นแค่นาย เฟร็ด โจนส์ และเคยมีประวัติในทำนองนี้ พระองค์จะต้องถูกเพ่งเล็งมากขึ้น และผมมั่นใจว่ายังไงก็ไม่มีทางได้กรีนการ์ดแน่นอน” เบนิเตซ ระบุ
เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ปฏิเสธที่จะตอบคำถามสื่ออังกฤษในประเด็นที่ว่า การที่เจ้าชายแฮร์รีทรงเผยประวัติการใช้ยาเสพติดจะทำให้สถานะคนเข้าเมืองของพระองค์ “เผชิญความยุ่งยาก” หรือไม่
“ประวัติการขอวีซ่าถือเป็นข้อมูลลับตามกฎหมายสหรัฐฯ เราไม่สามารถชี้แจงรายละเอียดของผู้ที่ยื่นคำร้องในแต่ละเคส และไม่สามารถตอบได้ว่าใครบางคนจะขาดคุณสมบัติในการขอวีซ่าหรือไม่” โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุ พร้อมกับย้ำแนวทางการอนุมัติวีซ่าจะต้องพิจารณาเป็นกรณีๆ ไป
ที่มา : Daily Mail