ปล่อยข้อมูลแซ่บสุดแสบออกมารัวๆ สำหรับปฏิบัติการวิชามารมาร์เก็ตติ้งปั่นยอดซื้อ SPARE ซึ่งได้ยิงข่าวในวันพฤหัสบดีที่ 5 มกราคม 2023 โดยอ้างถึงดยุกแฮร์รีแห่งซัสเซกซ์กับการกล่าวหาว่า ปรินซ์วิลเลียมแห่งเวลส์ทรงเรียก ดัชเชสเมแกน เป็นคนเรื่องมากยุ่งยากไปทุกสิ่ง หยาบคาย และไม่เกรงใจไม่ถนอมน้ำใจผู้อื่น แถมยังกระชากคอเสื้อเจ้าชายแฮร์รีจนสร้อยคอขาด แล้วกระแทกร่างของเจ้าชายแฮร์รีหงายหลังลงไปแบอยู่ที่พื้น ทั้งนี้ มีการระบุว่าเหตุอาละวาดดังกล่าวระเบิดระเบ้อขึ้นเมื่อปี 2019 ในระหว่างการทะเลาะเสียงลั่นพระตำหนักแตก ณ นอตทิงแฮมคอตเทจ ที่ประทับของเจ้าชายแฮร์รี
ดั่งจะยั่ว ‘ต่อมอยาก’ ของผู้คนให้แย่งกันซื้อหนังสือบันทึกความทรงจำ SPARE ของเจ้าชายแฮร์รี ‘ข่าวปล่อย’ ล่าสุด ได้ละเลงให้ปรินซ์ออฟเวลส์เป็นวายร้ายรังแกทำร้ายร่างกายพระอนุชาดังปรากฏข้างต้น ตามข้อเขียนของเจ้าชายแฮร์รีที่สร้างข้อกล่าวหาโจมตีพระเชษฐาวิลเลียม ทั้งนี้ เดอะการ์เดียน สื่อเจ้ายักษ์ผู้น่าเชื่อถือของอังกฤษถูกเลือกเป็นค่ายเดียวที่ได้รับข่าวนี้ และทำการรายงานออกสู่สาธารณชนตั้งแต่ก่อนตีหนึ่งของวันพฤหัสบดีที่ 5 มกราคม 2023 แล้วประดาสื่อใหญ่ยักษ์ค่ายอื่นๆ ถึงได้ตามไปเก็บใจความเพื่อนำเสนอบนเว็บไซต์อย่างพรึบพรับ
ปรินซ์วิลเลียมทรงโกรธจัดตั้งแต่มาถึง ก่อนจะมีปากเสียงใหญ่โต ลุกลามเป็นการทำร้ายร่างกาย ดยุกแฮร์รีบันทึกความทรงจำไว้อย่างนั้น
ดยุกแฮร์รีแห่งซัสเซกซ์ เจ้าชายหนุ่มใหญ่วัย 38 พรรษา ผู้เคยอื้อฉาวในเรื่องยาเสพติด พิษสุราเรื้อรัง และการชกต่อยกับช่างภาพสื่อมวลชนในปี 2004 ได้ทรงเขียนข้อความกล่าวหาพระเชษฐาวิลเลียม ผู้ซึ่งไม่เคยมีประวัติการโมโหขาดสติอาละวาดแม้สักครั้งในพระชนม์ชีพ ว่าปรินซ์วิลเลียมทรงโกรธอย่างจัด กระชากคอเสื้อพระองค์ และกระแทกพระองค์จนหงายหลังลงไปแบอยู่ที่พื้นโดยทับเปรี้ยงบนชามข้าวสุนัขทรงเลี้ยง ถึงกับชามแตกและเกิดเป็นบาดแผลถูกบาดกับแผลฟกช้ำ
โดยการทำร้ายร่างกายนี้อุบัติขึ้นในปี 2019 สืบเนื่องจากมีการทะเลาะทุ่มเถียงกันที่พระตำหนักนอตทิงแฮม คอตเทจ ซึ่งพระราชโอรสพระองค์เล็กของสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 แห่งสหราชอาณาจักรทรงประทับอาศัยภายในอาณาบริเวณของพระราชฐานเคนซิงตันการ์เดนส์ และเป็นบ้านใกล้เรือนเคียงกับองค์พระราชวังเคนซิงตันที่ปรินซ์วิลเลียมประทับอยู่ ณ อพาร์ตเมนต์ A1 ของปราสาทพระราชวัง
ในสถานการณ์ความสัมพันธ์ร้าวฉานแตกหัก ที่ย่ำแย่ลงอย่างต่อเรื่องหลังการเสกสมรสระหว่างเจ้าชายแฮร์รีกับอดีตดาราโทรทัศน์อเมริกันนามว่า เมแกน มาร์เคิล ผู้เป็นแม่ม่ายหย่าร้างไร้เรือพ่วง นั้น ปรินซ์วิลเลียมทรงประสงค์จะพูดคุยกับดยุกแห่งซัสเซกซ์ในเรื่องหายนะแห่งความสัมพันธ์และการถูกสื่อมวลชนเสนอแต่ข่าวติดลบ
ในการนี้ เจ้าชายแฮร์รีทรงประพันธ์ความทรงจำไว้ว่า ปรินซ์วิลเลียมทรงโกรธอย่างจัด “พระเศียรร้อนควันพุ่ง” เต็มพิกัดเรียบร้อยแล้วนับตั้งแต่ที่มาถึงพระตำหนักนอตทิงแฮม เดอะการ์เดียนรายงานอย่างนั้น พร้อมกับระบุข้อความของเจ้าชายแฮร์รีว่า
การพูดจาทวีความรุนแรงขึ้นเป็นการตะโกนถ้อยคำรุนแรงใส่กันและกัน โดยบันทึกของเจ้าชายแฮร์รีเขียนว่า ปรินซ์วิลเลียมทรงตำหนิไปถึงพระชายาเมแกนในเรื่องของการเป็นคนเรื่องมาก-มีปัญหา-เยอะไปในทุกสิ่งอย่าง หยาบคาย และไม่ระวังน้ำใจผู้อื่น
เจ้าชายแฮร์รีทรงบันทึกความทรงจำเวอร์ชันของพระองค์ว่า ทรงโต้กลับด้วยการกล่าวหาพระเชษฐาตรัสออกมาตามข่าวลือของสื่อมวลชน พร้อมกับระบุว่าปรินซ์วิลเลียมทรงหมดสิ้นความมีเหตุมีผล แล้วทั้งสองต่างแผดเสียงตะโกนใส่กันเสมือนเมื่อยังทรงพระเยาว์และไฝ้วกันยามโกรธเกรี้ยวรุนแรง
ยิ่งกว่านั้น เจ้าชายแฮร์รียังเขียนด้วยว่า พระเชษฐาทำประพฤติพระองค์เฉกเช่นพวกองค์รัชทายาท คือ จะไม่สามารถเข้าพระทัยได้ว่าทำไมพระอนุชาจึงไม่สามารถจะพึงพอใจในบทบาทที่จะต้องเป็น “ตัวสำรอง”
หนังสือ SPARE เขียนว่าการสาดถ้อยคำดูหมิ่นกันและกันดำเนินไปพักใหญ่ ก่อนที่ปรินซ์วิลเลียมจะกล่าวว่าพระองค์ทรงประสงค์จะช่วย หลังจากนั้นก็ปะทะคารมกันดังนี้
“จริงละหรือ? จะช่วยผมหรือ? ขออภัยเถอะ – นี่หรือคือสิ่งที่พี่เรียกว่าพยายามจะช่วยผม?” ความทรงจำของเจ้าชายแฮร์รีถูกบันทึกไว้อย่างหรู สุขุม เปี่ยมชั้นเชิง ซึ่งไม่ใช่ภาพลักษณ์เรียบง่าย ซื่อใส ซึ่งผู้คนจดจำกันมาช้านาน
อีกทั้งยังบอกว่าคำกล่าวย้อนดังกล่าวทำให้พระเชษฐาทรงโกรธอย่างหนัก ทรงกล่าวคำสบถและก้าวพระบาทเข้าไปหาพระอนุชา พระองค์ทรงหวาดหวั่นจึงทรงเดินเลี่ยงเข้าไปที่ห้องครัว และพระเชษฐาผู้บันดาลโทสะก็ทรงก้าวตามไป
หลังจากนั้น อดีตนักเลงวัยรุ่นที่เคยชกต่อยกับช่างภาพหนังสือพิมพ์ทรงรินน้ำใส่แก้วส่งให้พระเชษฐา และบอกไปว่า “วิลลี่ ผมจะไม่พูดกับพี่เวลาที่พี่เป็นแบบนี้”
แล้ววิกฤตแห่งพระเชษฐาพระอนุชาก็ระเบิดขึ้น เจ้าชายแฮร์รีทรงประพันธ์ในบันทึกความทรงจำว่า
“เขาวางแก้วน้ำลง แล้วทรงเรียกผมด้วยอีกชื่อหนึ่งว่าฮาโรลด์ และก้าวเข้าประชิดผม ทุกอย่างเกิดขึ้นปุบปับอย่างยิ่ง รวดเร็วอย่างยิ่ง เขากระชากคอเสื้อผม จนสร้อยผมขาด และกระแทกผมหงายหลังลงไปบนพื้น
“ผมหงายแผ่ไปบนพื้น ทับชามข้าวสุนัขจนแตกคาหลังผม เศษชามบาดเนื้อผม ผมนอนแบะตรงนั้นพักหนึ่ง รู้สึกตกใจ แล้วจึงลุกขึ้นและบอกให้เขากลับไป”
ดยุกแห่งซัสเซกซ์ซึ่งเขียนถึงพระองค์เองไว้ดั่งสุภาพบุรุษท่านชายจุฑาเทพของประเทศกะลาแลนด์ผู้ซึ่งไม่ใช้ความรุนแรงตอบโต้ ทรงเล่าถึงท่าทีของปรินซ์วิลเลียมว่า ปรินซ์บอกให้พระองค์ชกกลับ แต่พระองค์ปฏิเสธ จากนั้นก็เล่าว่าพระเชษฐาทรงกลับออกไปจากพระตำหนัก แต่ทรงหันกลับมาสบพระเนตรด้วย “สีพระพักตร์เศร้าเสียพระทัยและมากมายด้วยรู้สึกขอโทษ”
พระนิพนธ์ของสุภาพบุรุษจุฑาเทพเขียนว่า ขณะที่ปรินซ์วิลเลียมทรงผละจากไป ทรงย้อนกลับมาอีกรอบ เพื่อตรัสห้ามพระองค์นำเรื่องที่ปะทะกันนี้ไปเล่าสู่พระชายาเมแกน เดอะการ์เดียนรายงานอย่างนั้น
ดยุกแฮร์รีประพันธ์ถึงพระองค์เองเป็นคำถามย้อนกลับว่า “พี่หมายถึงที่พี่ทำร้ายผมล่ะหรือ?” แล้วทรงอ้างไว้ในหนังสือด้วยว่าปรินซ์วิลเลียมทรงตรัสตอบ “พี่มิได้ทำร้ายเธอนะ ฮาโรลด์” รายงานข่าวของเดอะการ์เดียนเขียนอย่างนั้น
ดยุกแฮร์รีแห่งซัสเซกซ์ ทรงเล่าว่าพระองค์มิได้บอกพระชายาเมแกนโดยทันที หากทรงโทรศัพท์ไปหาจิตแพทย์ส่วนพระองค์
อย่างไรก็ตาม ดัชเชสสังเกตเห็นรอยแผลและรอยฟกช้ำบนแผ่นหลัง ดยุกจึงทรงเล่าเรื่องให้พระชายาทราบ ทั้งนี้ ดยุกแห่งซัสเซกซ์ทรงประพันธ์เล่าถึงดัชเชสอย่างน่าสงสารว่า “พระชายามิได้ประหลาดใจ และมิได้กริ้วมากมาย
“เธอเศร้าใจอย่างยิ่งครับ” เจ้าชายแฮร์รีบันทึกความทรงจำนี้ไว้อย่างหรู
เจ้าชายแฮร์รีทรงขัดเคืองพระทัยในสถานภาพ “ตัวสำรอง” ขององค์รัชทายาทหมายเลข 1 แห่งราชบัลลังก์
ความขัดเคืองพระทัยที่เจ้าชายแฮร์รีทรงรู้สึกต่อสถานภาพ “ตัวสำรอง” เป็นธีมหลักของหนังสือชีวประวัติความทรงจำเล่มนี้ โดยไปปรากฏอยู่ในบทต่างๆ ของ SPARE ทั้งบทตอนของชีวิตวัยเยาว์ ชีวิตวัยศึกษาเล่าเรียน ชีวิตการงานแห่งพระราชกิจของพระราชวงศ์และพระราชกิจในกองทัพบกอังกฤษ ไปจนถึงบทตอนเรื่องความสัมพันธ์กับพระบิดาพระมารดา พระเชษฐา จนถึงความสัมพันธ์กับพระชายาเมแกน ตั้งแต่ที่คบหาศึกษาดูใจกัน การเสกสมรสกัน และการเข้าสู่ประสบการณ์ความเป็นพระบิดาของพระโอรสและพระธิดา เดอะการ์เดียนวิเคราะห์อย่างนั้น
เดอะการ์เดียนเขียนเล่าว่าถึงความรู้สึกขัดเคืองของเจ้าชายแฮร์รีต่อฐานะตัวสำรอง ซึ่งโยงไปถึงพระราชบิดาในห้วงที่ยังครองพระอิสริยยศเจ้าฟ้าชาย ก่อนจะทรงเสด็จขึ้นครองราชย์เป็นสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ดังนี้
เจ้าชายแฮร์รีทรงบันทึกไว้ใน SPARE ว่าพระราชบิดาทรงมองพระองค์เป็นตัวสำรองอย่างแท้จริง โดยเล่าว่าในวันที่พระองค์ประสูติ เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ทรงตรัสกับเจ้าหญิงไดอานาผู้ทรงเป็นพระชายาในเวลานั้น “ยอดเยี่ยมเลย! ตอนนี้เธอได้ให้กำเนิดแก่เจ้าชายรัชทายาทและเจ้าชายตัวสำรองครบถ้วนเลย ภารกิจของผมเสร็จสมบูรณ์แล้ว”
บันทึกต่อประเด็นนี้ของเจ้าชายแฮร์รีในหนังสือ SPARE มีความขัดแย้งกับประเด็นเดียวกันนี้ที่ทรงเมาท์มอยติเตียนพระบิดาไว้แต่ก่อนๆ รวมทั้งที่ได้เล่าประทานแก่ โอปราห์ วินฟรีย์ พิธีกรคนดังของโลก โดยพระองค์ทรงเคยบอกว่าพระบิดาทรงไม่พึงพอใจอย่างยิ่งที่พระชายาไดอานาให้กำเนิดบุตรคนที่สองเป็นเจ้าชาย เพราะทรงมีพระประสงค์จะได้พระธิดา
ลักษณะความเห็นและการตีความในประเด็นสำคัญแบบที่ไม่อยู่กับร่องกับรอย คือจุดอ่อนในการเล่าเรื่องเพื่อโจมตีพระราชบิดาและพระเชษฐา พร้อมกับบั่นทอนความน่าเชื่อถือในเรื่องเล่าของพระองค์เอง
ในการนี้ เดอะการ์เดียนนำเสนอว่าเมื่อเจ้าชายแฮร์รีทรงกล่าวในตอนหนึ่งของคลิปสัมภาษณ์เพื่อโฆษณาหนังสือ SPARE ว่าพระองค์ทรงประสงค์จะได้พระราชบิดาและพระเชษฐากลับคืนมาเป็นดั่งเดิมนั้น เดอะการ์เดียนได้วิจารณ์ดังนี้
“เมื่อมองถึงรายละเอียดที่ทรงระลึกและบันทึกไว้ในหนังสือ ความปรารถนาดังกล่าวน่าจะไม่มีแนวโน้มจะเป็นจริงได้ในทันที”
พร้อมนี้ เดอะการ์เดียนเขียนปิดท้ายสกู๊ปด้วยบันทึกความทรงจำของพระราชโอรสพระองค์เล็กของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ในเรื่องการพูดคุยกัน 3 พระองค์ในช่วงพระราชพิธีพระศพของเจ้าชายฟิลิป พระอัยกาผู้ล่วงลับของเจ้าชายแฮร์รีเมื่อเดือนเมษายน 2021 โดยพระราชบิดาทรงประทับยืนระหว่างกลางและทรงตรัสบอกว่า
“ขอทีเถอะเด็กๆ อย่าทำให้ปีท้ายๆ ของชีวิตพ่อต้องทุกข์ใจเลยนะ” เจ้าชายแฮร์รีทรงบันทึกอย่างนั้นในหนังสือ SPARE
จับตาเจ้าชายแฮร์รีจะทรงสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่เรื่องราวบอกเล่าใน SPARE ได้หรือไม่
ด้านเดอะซัน สื่อหัวสีซึ่งทรงอิทธิพลในการข่าวพระราชวงศ์อังกฤษ เป็นหนึ่งในสารพัดค่ายสื่อมวลชนที่นำรายงาน ‘ข่าวปล่อย’ ว่าด้วยเนื้อหาโจมตีปรินซ์ออฟเวลส์ในหนังสือ SPARE มานำเสนอบนเว็บไซต์ของตน พร้อมกับบอกไม่ทราบเลยว่าเดอะการ์เดียนได้รับข้อมูลส่วนนี้จากหนังสือความทรงจำของเจ้าชายแฮร์รีได้อย่างไร
ทั้งนี้ เดอะซันตั้งข้อสังเกตว่าเดอะการ์เดียนได้รับเนื้อหาบทนี้ หลังจากที่เดอะซันเสนอข่าวออกไปว่าหนังสือของเจ้าชายแฮร์รีจะยกระดับความดุเดือดในการโจมตีปรินซ์วิลเลียมอย่างชนิดที่ชาวโลกยังไม่เคยทราบมาก่อน
ที่ผ่านมา ผู้สันทัดกรณีต่างคาดการณ์กันว่าหนังสือชีวประวัติ/ความทรงจำของดยุกแห่งซัสเซกซ์จะมีความเข้มข้นล้างผลาญมากขึ้นกว่าเรื่องราวที่ปรากฏในภาพยนตร์สารคดีซีรีส์ของเน็ตฟลิกซ์เรื่องแฮร์รีและเมแกน โดยจะเต็มไปด้วยรายละเอียดเกี่ยวกับสิ่งที่ดยุกแฮร์รีโอดโอยโวยไว้ว่าพระองค์ต้องเป็น “ตัวสำรอง” ให้แก่พระเชษฐาผู้ทรงเป็น “ว่าที่พระมหากษัตริย์อังกฤษ”
ในกาลข้างหน้า SPARE อาจจะถูกจารึกในฐานะของหนังสือระเบิดระเบ้อทำลายล้างภาพลักษณ์ของสถาบันพระมหากษัตริย์แห่งสหราชอาณาจักร?
แต่ทว่า เรื่องเล่าวายป่วงทั้งปวงจะมีความน่าเชื่อถือ-มีหลักฐานยืนยัน เพียงไร มีประสิทธิผลในการทำร้ายครอบครัวของพระองค์ได้แค่ไหน หรือจะเป็นเพียงข้อเขียนโจมตีแบบมโน-สร้างข้อมูลเท็จ เอาแซ่บ เอามันส์ ระดับนวนิยาย?
นอกจากนั้น นี่ยังอาจกลายเป็นกับดัก-กลายเป็นหลักฐานแข็งแกร่งให้สำนักพระราชวังนำไปฟ้องร้องดำเนินคดีหมิ่นประมาทตามกฎหมายเบสิกทั่วไป จนกระทั่งเจ้าชายแฮร์รีต้องจ่ายค่าชดใช้หนักหน่วงหรือไม่?
ทั้งหลายทั้งปวงนี้ ล้วนเป็นอะไรที่ต้องรอติดตามกันอีกหลายวัน
โดยในวันอาทิตย์ที่ 8 มกราคม บรรดาท่านผู้ชมทั่วโลกจะได้รับชมคลิปบทสัมภาษณ์ที่เจ้าชายแฮร์รีทรงเล่าประทานถึงการประพันธ์หนังสือบันทึกความทรงจำ ที่จะมีการโจมตีครอบครัวพระราชวงศ์ของพระองค์ไปในเวลาเดียวกัน โดยคลิปทั้งสองนี้จะถูกนำมาออกอากาศกันทางช่องไอทีวี ประเทศอังกฤษ ความยาว 90 นาทีหนึ่งค่าย และทางช่องซีบีเอส สหรัฐอเมริกา ความยาว 60 นาทีอีกหนึ่งค่าย
ทั้งนี้ นี่คือคลิปยั่วน้ำลายให้ผู้คนอยากจะตามไปสอยหนังสือ SPARE มาอ่านด้วยตาตนเองในวันอังคารที่ 10 มกราคม อันเป็นวันกำหนดวางแผงตามร้านหนังสือต่างๆ อย่างพรึบพรับ ทั้งร้านจริงและร้านออนไลน์ หลังจากที่เคยเอือมๆ เบื่อๆ กับภาพยนตร์สารคดีซีรีส์ 6 ตอนของเน็ตฟลิกซ์มูลค่าการลงทุนมากกว่า 80 ล้านดอลลาร์ ซึ่งมีแต่ประเด็นเก่าๆ ระคนไปกับน้ำตาเดิมๆ ของดัชเชสเมแกน และความทุกข์ขมตรมใจซ้ำๆ ของดยุกแฮร์รีแห่งซัสเซกซ์
กระนั้นก็ตาม ความเคลื่อนไหวสำคัญยิ่งอีกประการหนึ่งที่ท่านผู้ชมทั่วโลกรอคอยจะรับฟังรับชมในขณะนี้ คือ การโต้ตอบจากเจ้าฟ้าชายวิลเลียม ปรินซ์แห่งเวลส์ ตลอดจนท่าที ปฏิกิริยา และความเห็นจากพระราชสำนักบัคกิงแฮมต่อเรื่องเล่าและข้อกล่าวหาร้ายๆ ทั้งหลายทั้งปวง
โดยเว็บข่าวของนิตยสารเฮลโหลแมกกาซีนรายงานว่า ในช่วงเดือนธันวาคมที่มีการสตรีมมิ่งภาพยนตร์สารคดีซีรีส์ของเจ้าชายแฮร์รีกับพระชายาผ่านช่องทางเน็ตฟลิกซ์ พระราชวงศ์ทรงปฏิเสธที่จะให้ความเห็นใดๆ และเมื่อขอความเห็นต่อเนื้อหาบางส่วนของหนังสือ SPARE ที่ปรากฏเป็นข่าวออกมาตลอดสัปดาห์นี้ พระราชวังบัคกิงแฮมก็ยังคงท่าทีเดิม คือการปฏิเสธที่จะให้ความเห็น
ทั้งนี้ ต้องไม่ลืมว่าหากพระราชวงศ์วางหมากที่จะดำเนินคดีข้อหาการกระทำความผิดด้านการหมิ่นประมาท ใส่ร้ายป้ายสีด้วยเรื่องอันเป็นเท็จ เนื้อหาในหนังสือต้องปรากฏเป็นตัวเป็นตน จับต้องได้ และออกสู่สาธารณชนอย่างเต็มตัวเป็นที่เรียบร้อยก่อน แล้วจึงจะถึงขั้นตอนแห่งการพิจารณาว่าการกระทำผิดดังกล่าวเกิดขึ้นเต็มตัวหรือไม่และเพียงใด
โดย รัศมี มีเรื่องเล่า
(ที่มา: เดอะการ์เดียน เดอะซัน เฮลโหลแมกกาซีน เอพี รอยเตอร์ เอเอฟพี)