อีลอน มัสก์ ระบุในวันอังคาร (20 ธ.ค.) จะลาออกจากตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของทวิตเตอร์ ทันทีที่เขาพบคน "โง่พอ" ที่จะมาทำหน้าที่แทน หลังผลสำรวจความคิดเห็นที่เขาจัดทำบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียแห่งนี้ บ่งชี้ว่าชาวทวิตเตอร์ส่วนใหญ่ต้องการให้เขาลาออกจากตำแหน่ง
มัสก์ เป็นเจ้าของทวิตเตอร์โดยสมบูรณ์มาตั้งแต่วันที่ 27 ตุลาคม และก่อประเด็นถกเถียงซ้ำแล้วซ้ำเล่าในฐานะซีอีโอ ไม่ว่าจะเป็นปลดพนักงานกว่าครึ่ง อ้าแขนรับบุคคลขวาจัดกลับเข้าสู่แพลตฟอร์ม ระงับบัญชีของพวกผู้สื่อข่าว และพยายามคิดค่าบริการจากที่เคยให้บริการฟรีก่อนหน้านี้
"ผมจะลาออกจากตำแหน่งซีอีโอทันทีที่ผมเจอใครที่โง่พอที่จะรับงานนี้!" มัสก์เขียนบนทวิตเตอร์ พร้อมบอกต่อว่าจากนั้นเขาจะทำหน้าที่แค่ดูแลทีมงานซอฟต์แวร์และเซิร์ฟเวอร์ในทวิตเตอร์เท่านั้น
ในผลสำรวจความคิดเห็นที่โพสต์เมื่อวันจันทร์ (19 ธ.ค.) พบว่า 57% ของผู้ออกเสียง หรือราว 10 ล้านคน อยากให้ มัสก์ ลาออกจากตำแหน่ง เพียงไม่กี่สัปดาห์หลังจากเขาทุ่มเงิน 44,000 ล้านดอลลาร์ ก้าวเข้ามาเป็นเจ้าของบริษัทแห่งนี้
มัสก์ เคยใช้โพลในทวิตเตอร์ในการตัดสินใจอื่นๆ เกี่ยวกับแพลตฟอร์มนี้ ในนั้นรวมถึงการคืนสถานะบัญชีของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และบัญชีผู้ใช้รายอื่นๆ ที่ถูกระงับ
เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ เขาใช้อีโมจิรูปหัวเราะต่อรายงานข่าวหนึ่งที่บอกว่าเขากำลังค้นหาใครบางคนเข้ามาทำหน้าที่บอสของทวิตเตอร์แทนเขา และทวีตว่า "ไม่มีใครต้องการงานนี้ ใครที่สามารถช่วยให้ทวิตเตอร์อยู่รอดต่อไปได้อย่างแท้จริง"
ราคาหุ้นของเทสลา บริษัทรถยนต์ไฟฟ้าของเขาที่ดิ่งลงราว 1 ใน 3 นับตั้งแต่ มัสก์ เข้าเทกโอเวอร์ทวิตเตอร์ และนักวิเคราะห์บางคนเชื่อว่าบอร์ดบริหารของเทสลาบางส่วนกำลังกดดันให้เขาสละบทบาทในทวิตเตอร์ เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่เริ่มกังวลที่เห็น มัสก์ ทุ่มเททั้งเงินทุน เวลา และความสนใจให้ทวิตเตอร์มากเกินไป
"ท้ายที่สุดแล้ว ก้าวย่างที่ดีในทิศทางที่ถูกต้องจะช่วยยุติสถานการณ์ฝันร้ายแห่งความเจ็บปวด สำหรับผู้ลงทุนของเทสลา" แดน ไอเวส นักวิเคราะห์จากเวดบุชกล่าวในวันอังคาร (20 ธ.ค.)
ระหว่างพูดคุยกับพวกผู้ใช้ หลังจากโพสต์ผลสำรวจความคิดเห็นล่าสุด มัสก์ได้เขียนเตือนอีกรอบว่าแพลตฟอร์มแห่งนี้กำลังมุ่งหน้าสู่การล้มละลาย
มหาเศรษฐีที่คาดเดายากรายนี้โพสต์ผลสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับการลาออก ไม่นานหลังจากพยายามปลีกตัวเองออกจากอีกหนึ่งประเด็นข้อถกเถียง
เมื่อวันอาทิตย์ (18 ธ.ค.) พวกผู้ใช้ทวิตเตอร์ได้รับแจ้งว่าพวกเขาจะไม่สามารถโปรโมตคอนเทนต์จากสื่อสังคมออนไลน์อื่นๆ อีกต่อไป แต่ดูเหมือน มัสก์ จะกลับลำในอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมา โดยเขียนชี้แจงว่าตามนโยบายการระงับบัญชีจะจำกัดเฉพาะกับบรรดาบัญชีที่มีจุดประสงค์หลักในการโปรโมตแพลตฟอร์มบริษัทคู่แข่งเท่านั้น
ความพยายามแบนดังกล่าวเรียกเสียงโวยวายแสดงความไม่พอใจ และแม้กระทั่งก่อความงงงวยแก่ แจ็ค ดอร์ซีย์ ผู้ร่วมก่อตั้งทวิตเตอร์ ซึ่งสนับสนุนการเทกโอเวอร์ของมัสก์
ไม่นานหลังจากเทกโอเวอร์แพลตฟอร์มแห่งนี้ มัสก์แถลงจะคิดค่าบริการ 8 ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน กับผู้ใช้ทวิตเตอร์ที่มีป้าย "Twitter Blue" เพื่อยืนยันตัวตนสำหรับบัญชีที่มีคนติดตามจำนวนมาก แต่เขาระงับแผนดังกล่าว หลังจากโดนล้อเลียนจากบัญชีปลอมที่แพร่ระบาดอย่างหนัก ก่อนล่าสุดจะกลับมาดำเนินการอัปเดตระบบยืนยันตัวตนอีกครั้งแล้ว
เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน มัสก์เผยว่าทางบริษัทขาดทุน 4 ล้านดอลลาร์ต่อวัน ในขณะที่ทวิตเตอร์ได้ปลดพนักงานแล้วกว่าครึ่งจากที่มีทั้งหมดราวๆ 7,500 คน
นอกจากนี้ มัสก์ ยังคืนสถานะบัญชีของทรัมป์ แม้อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ รายนี้บ่งชี้ว่าเขาไม่มีความสนใจในแพลตฟอร์มนี้อีกแล้ว และบอกว่า ทวิตเตอร์จะไม่ทำงานต่อสู้กับการบิดเบือนข้อมูลโควิด-19 อีกต่อไป
ไม่กี่วันที่ผ่านมา มัสก์ระงับบัญชีทวิตเตอร์ผู้สื่อข่าวหลายคน หลังคร่ำครวญว่าบางส่วนเผยแพร่รายละเอียดเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของเครื่องบินส่วนตัวของเขา ซึ่งเสี่ยงก่ออันตรายแก่เขาและครอบครัว อย่างไรก็ตามล่าสุดบางส่วนของบัญชีที่ถูกระงับไปนั้น สามารถกลับมาใช้งานได้แล้ว
(ที่มา : เอเอฟพี/รอยเตอร์)