เอเจนซีส์ - สื่อทั่วโลกชื่อดังต่างรายงานข่าวการประชวรของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ระหว่างที่ทรงทำการฝึกสุนัขทรงเลี้ยง ทรงมีพระอาการประชวรหมดพระสติด้วยพระอาการทางพระหทัย โดยล่าสุด พระองค์ทรงประทับรักษาพระองค์ ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย สื่อทั่วโลกยกย่องพระองค์ในฐานะเจ้าฟ้าแห่งไทยผู้มุ่งมั่นปฏิรูปการลงโทษทางอาญาในไทย
บีบีซี สื่ออังกฤษ รายงานวานนี้ (15 ธ.ค.) สำนักพระราชวังออกแถลงการณ์เร่งด่วนในวันพฤหัสบดี (15) ว่า สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ในรัชกาลที่ 10 ทรงประชวรหมดพระสติระหว่างทรงฝึกสุนัขทรงเลี้ยงเพื่อเข้าประกวดการแข่งขันรายการ Thailand Working Dog Championship by Royal Thai Army 2022
ตามแถลงการณ์พบว่า เป็นการหมดพระสติด้วยพระอาการทางพระหทัย และได้มีการรีบอัญเชิญเสด็จไปปฐมพยาบาล ณ โรงพยาบาลปากช่องนานา จ.นครราชสีมา ก่อนที่พระองค์จะเสด็จด้วยเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งมาที่กรุงเทพฯ เพื่อเข้าประทับรักษาพระวรกายที่ ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย
สื่ออังกฤษชี้ว่า ตามแถลงการณ์ของสำนักพระราชวัง ระบุว่า ในจุดหนึ่งมีพระอาการคงที่ ขณะที่เดลีเมล สื่ออังกฤษอีกสำนักรายงานอ้างว่า สาเหตุนี้ทำให้นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องตัดสินใจบินกลับไทยจากการเยือนต่างประเทศก่อนกำหนด
ข่าวอาการพระประชวรของพระองค์ภาเป็นที่สนใจไปทั่วโลก โดยมีสื่อต่างประเทศหลายสำนักต่างรายงานเป็นข่าวด่วน เป็นต้นว่า CNN ของสหรัฐฯ สถานีโทรทัศน์สกายนิวส์ของอังกฤษ สถานีโทรทัศน์เอบีซีนิวส์ของออสเตรเลีย สำนักข่าวอัลญาซีเราะฮ์ของกาตาร์ เป็นต้น
สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ทรงเป็นพระราชธิดาพระองค์โตในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กับพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ ทั้งทรงเป็นพระราชนัดดาพระองค์แรกในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
โดยทรงถูกยกย่องว่าเจ้าฟ้าแห่งไทยผู้มุ่งมั่นปฏิรูปการลงโทษทางอาญาในไทยมาอย่างยาวนาน หลังจากทรงสำเร็จการศึกษาระดับดุษฎีบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยคอร์แนล ประเทศสหรัฐอเมริกา
อ้างอิงจากบีบีซี สื่ออังกฤษภาคภาษาไทยพบว่า เมื่อปี 2555 ทรงดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตไทยประจำคณะกรรมาธิการสหประชาชาติว่าด้วยการป้องกันอาชญากรรมและความยุติธรรมทางอาญา ก่อนที่ในปี 2560 พระองค์ทรงรับทำหน้าที่ในฐานะทูตสันถวไมตรีด้านหลักนิติธรรมทั้งในประเทศไทย และในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตามการกราบบังคมทูลเชิญจากสำนักงานป้องกันยาเสพติดและปราบปรามอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC)