สหภาพยุโรป (อียู) ประกาศลงทุนระดับหมื่นล้านยูโรในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในวันพุธ (14 ธ.ค.) ในขณะที่พวกผู้นำหาทางกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกัน ณ ที่ประชุมหนึ่ง ซึ่งเกิดขึ้นท่ามกลางวิกฤตสงครามยูเครนและความท้าทายต่างๆ จากจีน ในนั้นรวมถึงในแง่ข้อตกลงการค้าร่วมที่หยุดนิ่งมานาน ซึ่งทางอียูหวังคืนสู่โต๊ะเจรจากับทั้งไทย มาเลเซีย และฟิลิปปินส์
อียูอวดอ้างการประชุมซุมมิตเต็มรูปแบบครั้งแรกระหว่างพวกเขากับสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ในบรัสเซลส์ ว่า เป็นโอกาสในการผลักดันความสัมพันธ์ทางการค้ากับบรรดาเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างรวดเร็วของภูมิภาคแห่งนี้
"บางทีเราอาจอยู่ห่างกันหลายพันไมล์ แต่มีค่านิยมมากมายที่ทำเราเป็นหนึ่งเดียวกัน" อัวร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปบอกกับพวกผู้นำที่มารวมตัวกัน
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมนี้มีมุมมองที่ต่างกันในเรื่องสงครามของรัสเซียในยูเครน และความกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดกับจีน ในเรื่องเส้นทางการขนส่งทางเรือสำคัญสำหรับการค้าโลก
สหภาพยุโรปพยายามผลักดันทางการทูตมานานสำหรับกระตุ้นแนวรบโลกต่อต้านรัสเซีย หลังจากปฏิบัติการรุกรานยูเครนของมอสโก ก่อคลื่นความช็อกทั้งทางเศรษฐกิจและการเมืองไปทั่วโลก
แต่กระนั้น 10 ชาติเอเซียน ซึ่งมี 9 ชาติเข้าร่วม หลังคณะรัฐประหารของพม่าไม่ได้รับเชิญ มีความเห็นแตกต่างกันในแนวทางตอบสนองต่อสงครามของรัสเซียในยูเครน
สิงคโปร์ เดินเคียงข้างตะวันตกที่กำหนดมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย ส่วนเวียดนามและลาว ซึ่งมีความสัมพันธ์ด้านการทหารใกล้ชิดกับมอสโก ใช้จุดยืนที่เป็นกลางมากกว่า โดยเวียดนามและลาว เช่นเดียวกับไทย ต่างงดออกเสียงในที่ประชุมสหประชาชาติในเดือนตุลาคม ในญัตติประณามความพยายามของรัสเซีย ในการผนวก 4 แคว้นของยูเครนที่พวกเขายึดครองมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ เข้าเป็นส่วนหนึ่งของดินแดน
มุมมองที่แตกต่างนี้นำมาซึ่งการถกเถียงกันเกี่ยวกับแถลงการณ์ของที่ประชุม ในขณะที่อียูกดดันให้ใช้ภาษาประณามมอสโกหนักหน่วงกว่าเดิม อย่างไรก็ตาม ในแถลงการณ์ขั้นท้ายสุด ระบุเพียงว่า "สมาชิกส่วนใหญ่" ตำหนิสงครามของรัสเซีย แต่ยอมรับว่ามีมุมมองอื่นและการประเมินที่ต่างออกไปเช่นกัน
ในขณะที่อียูกดดันอาเซียนให้ใช้แนวทางตอบสนองต่อรัสเซียหนักหน่วงขึ้น ประเด็นเกี่ยวกับประเทศยักษ์ใหญ่ของโลกอีกชาติก็ครอบงำการประชุมครั้งนี้เช่นกัน
คำกล่าวอ้างกรรมสิทธิ์เหนือทะเลจีนใต้ของจีน ทำให้พวกเขาขัดแย้งกับประเทศเพื่อนบ้านบางส่วน และโหมกระพือความกังวลในยุโรป เกี่ยวกับกระแสทางค้าที่ต้องล่องผ่านเส้นทางสัญจรหลักของโลกแห่งนี้
อย่างไรก็ตาม อีกด้านหนึ่งจีนยังคงเป็นพันธมิตรการค้าใหญ่ที่สุดของอาเซียน และหลายประเทศในภูมิภาคแถบนี้ระแวดระวังจากการปลีกตัวเองออกห่างจากชาติเพื่อนบ้านยักษ์ใหญ่อย่างปักกิ่ง
อียูหวังวางสถานะตนเองในฐานะคู่หูที่น่าเชื่อถือสำหรับพลวัตทางเศรษฐกิจของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ท่ามกลางความเป็นคู่อริกันมากขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างปักกิ่งกับวอชิงตัน
อาเซียนและอียูต่างเป็นคู่ค้าใหญ่ที่สุดอันดับ 3 ของกันและกัน และยุโรปมองภูมิภาคแห่งนี้ ในฐานะแหล่งวัตถุดิบหลักและต้องการยกระดับการเข้าถึงตลาดต่างๆ ที่กำลังเฟื่องฟูของอาเซียน
บรรดาประเทศต่างๆ ในอียูกำลังเสาะหาความหลากหลายทางห่วงโซ่อุปทานที่สำคัญ หลังจากสงครามในยูเครนได้ตอกย้ำให้เห็นถึงความอ่อนแอของยุโรป
ฟอน แดร์ ไลเอิน เสนอแพกเกจลงทุนมูลค่า 10,000 ล้านยูโร ในช่วง 5 ปีข้างหน้า ภายใต้ยุทธศาสตร์ประตูสู่โลก (Global Gateway) ซึ่งออกแบบมาเพื่อถ่วงดุลการให้ของจีน
อย่างไรก็ตาม บรรดาพวกผู้นำอาเซียนยืนกรานว่าพวกเขาจะไม่ยอมถูกบีบให้เลือกฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ระหว่างพวกผู้เล่นที่กำลังแข่งขันแย่งชิงอิทธิพลเหนือโลกใบนี้ "เราปฏิเสธกลับสู่สถานการณ์ของสงครามเย็น จุดที่เราจำเป็นต้องเลือกข้าง ในแง่ที่ว่ามหาอำนาจไหนที่เราจะเข้าร่วมด้วย" ประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ของฟิลิปปินส์กล่าว
อาเซียนและอียูระงับความพยายามผลักดันให้เกิดข้อตกลงการค้าร่วมเมื่อราวๆ 1 ทศวรรษก่อน แต่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของทางกลุ่มแสดงความหวังว่าจะกลับมาเริ่มความพยายามใหม่สำหรับบรรลุข้อตกลงอย่างกว้างๆ
จนถึงตอนนี้อียูมีข้อตกลงการค้ากับเวียดนามและสิงคโปร์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเวลานี้พวกเขากำลังหาทางสานความคืบหน้ากับอินโดนีเซีย ชาติเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของอาเซียน รวมถึงหวนคืนสู่โต๊ะเจรจากับมาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และไทย
หนึ่งประเด็นที่เสี่ยงบดบังการหารือก็คือกฎหมายใหม่ฉบับหนึ่งในอินโดนีเซีย ที่กำหนดให้การมีเพศสัมพันธ์นอกสมรสเป็นอาชญากรรม ซึ่งมันโหมกระพือความวิตกกังวลแก่บรรดานักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเยือนประเทศแห่งนี้
อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีโจโค วิดีโด แห่งอินโดนีเซีย ยืนกรานว่า ความสัมพันธ์ระหว่างอียูกับอาเซียน จำเป็นต้องอยู่บนพื้นฐานแห่งความเท่าเทียม "ต้องไม่มีการกำหนดมุมมอง ต้องไม่มีใครคอยบงการคนอื่นๆ และคิดว่ามาตรฐานของฉันดีกว่าของคุณ"
(ที่มา : เอเอฟพี)