รอยเตอร์/เอเจนซีส์ - มีชาวรัสเซียเป็นจำนวนเพิ่มมากขึ้นแสวงหาการฝึกยิงปืนไรเฟิลคาลานิชคอฟ หลังสงครามยูเครนยืดเยื้อ ระบุต้องการสกิลการรบในเมืองเพื่อปกป้องบ้านของตัวเองหรือเตรียมส่งไปแนวหน้า ด้านโพลสำนักงานป้องกันสหพันธรัฐรัสเซีย FPS ของเครมลินพบมีชาวรัสเซียแค่ 25% เห็นด้วยกับสงครามปูติน กลาโหมอังกฤษ MoD ยันเทรนด์มาตั้งแต่ตุลาคม
รอยเตอร์รายงานวันนี้ (6 ธ.ค.) ว่า สหรัฐฯ และชาติต่างตะวันตกออกมาประณามการบุกยูเครนของประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูตินภายใต้ชื่อ “ปฏิบัติการพิเศษทางการทหาร” นั้นถูกมองต่างออกไปสำหรับประชาชนรัสเซียบางส่วนภายในประเทศ
การเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากของความรักชาติในกลุ่มประชาชนรัสเซีย ตัวอย่างเช่น วลาดิมีร์ (Vladimir) วัย 31 ปี ต้องการสกิลการทำสงครามรบในเมืองจากชั้นเรียนที่เปิดสอนฟรีโดยอดีตเจ้าหน้าที่ FSB ร้อยเอกอิลยา ชาดรีคอฟ (Ilya Shadrikov) สังกัดหน่วยกองกำลังรบพิเศษ "A"
“พวกเราทำการฝึกซ้อมการรบแบบในเมืองที่พวกเราพลเรือนที่ไม่ได้เข้าร่วมกับกองทัพรัสเซียสามารถใช้ทักษะนี้เพื่อเป็นประโยชน์หากจำเป็นต้องปกป้องบ้านของตัวเองหรือยามพวกเราถูกส่งไปแนวหน้าเพื่อปกป้องมาตุภูมิของพวกเรา” วลาดิมีร์กล่าวหลังจากชั้นเรียน 45 นาทีในการฝึกยิงปืนไรเฟิลอัตโนมัติคาลานิชคอฟ
เขาเสริมต่อว่า “พวกเราจำเป็นต้องชนะ” ระหว่างที่ตัวเองกำลังอยู่ในเครื่องแบบชุดเกราะลายพรางและหมวกทหารกันกระสุน
ทั้งนี้ วลาดิมีร์ถือเป็นหนึ่งในชาวรัสเซียทั้งหญิงและชายร่วม 70 คน ที่มารวมตัวที่สปอร์ตคลับแห่งหนึ่งนอกกรุงมอสโกในวันเสาร์ (3) เพื่อฝึกซ้อมการยิงปืนไรเฟิลคาลานิชคอฟ เป็นผลมาจากสงครามในยูเครนที่ยืดเยื้อ
ขณะที่ในเมืองคราสโนกรอสค์ (Krasnogorsk ) ทางเหนือของกรุงมอสโก "คลับยาโรโพล์ค" (Yaropolk) แห่งนี้เป็นหลักฐานแสดงถึงฟื้นกลับมาของนักรบรัสเซีย และความรักชาติของเหล่าสลาฟ หลังจากหลายปีของความผิดหวังในยุครัสเซียแบบตะวันตกหลังการล่มสลายอดีตสหภาพโซเวียตยูเนียน
คลับนี้ตั้งชื่อตามเทพเจ้าพระอาทิตย์ฤดูใบไม้ผลิของชาวสลาฟ วิดีโอคลิปแสดงให้เห็นการฝึกสอนพร้อมกับเพลงปลุกใจ “จงหวาดกลัว พวกเราชาวรัสเซียกำลังมา”
ชาดริคอฟ (Shadrikov) ในชุดลายพรางของหน่วย FSB เป็นผู้ก่อตั้งคลับแห่งนี้เมื่อปี 2011 และเคยได้รับรางวัลเหรียญกล้าหาญระหว่างทำงานให้หน่วยรบพิเศษ A ชื่อดังของรัสเซีย เขาคาดหวังว่าคลับนี้จะฝึกสอนประชาชนรัสเซียให้สามารถปกป้องประเทศจากทั้งภายในและภายนอกได้
ภายในชั้นเรียนพบว่า ชาดริคอฟ สอนพลเรือนในการถือปืนไรเฟิลคาลาชนิคอฟ AK74 และรุ่น AK103 รวมไปถึงการโจมตีแบบเป็นกลุ่ม 2 ถึง 3 คน การอพยพกำลังที่บาดเจ็บในหน่วยระหว่างการถูกระดมยิง และทำให้การโจมตีจากฝ่ายตรงข้ามล่าช้าลง
กรม A (Directorate "A") ที่รู้จักในชื่อกลุ่มอัลฟา กรุ๊ป (Alpha Group) เป็นหนึ่งในหน่วยรบพิเศษที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของรัสเซีย หน่วยนี้ก่อตั้งเมื่อปี 1974 เคยอยู่ภายใต้การสังกัด KGB ในสมัยอดีตสหภาพโซเวียต และมีประวัติถูกส่งไปอัฟกานิสถาน เชเชน ตะวันออกกลางและต่อต้านกลุ่มติดอาวุธต่างๆในสถานการณ์จับเป็นตัวประกัน
ภายในชั้นเรียนภาพอดีตเผด็จการผู้นำนาซีเยอรมัน อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ติดไว้บนกำแพงเพื่อแสดงเป้าหมาย แต่ในการฝึกวันเสาร์ (3) ไม่มีการฝึกยิงด้วยกระสุนจริง การสอนอื่นที่มีรวมไปถึงการนำทางและปฐมพยาบาล
ท่ามกลางการออกมาเรียนการทำสงครามในเมืองของชาวรัสเซีย หนังสือพิมพ์สหรัฐฯ USATODAY รายงานวานนี้ (5 ธ.ค.) ว่า เป็นที่น่าแปลกใจที่โพลภายในเครมลินเห็นชาวรัสเซียจำนวนแค่ 25% เท่านั้นที่ยังคงสนับสนุนสงครามยูเครนที่ยังคงเกิดขึ้น ในขณะที่อีก 55% สนับสนุนการเจรจาสันติภาพ สื่ออิสระรัสเซียชื่อดัง Meduza รายงาน
ทั้งนี้ Meduza ชี้ว่าสามารถเข้าถึงโพลสำรวจที่จัดทำขึ้นในเดือนที่ผ่านมาโดยสำนักงานป้องกันสหพันธรัฐรัสเซีย FBS (Russian Federal Protective Service) ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐบาลรัสเซีย
ในรายงานกล่าวว่า ผลโพลสำรวจที่ออกมาล่าสุดแตกต่างเป็นอย่างมากจากผลสำรวจเมื่อกรกฎาคม ที่แสดงให้เห็นว่ามีพลเมืองรัสเซีย 57% ที่สนับสนุนสงครามยูเครน
ด้าน เดนิส โวลคอฟ (Denis Volkov) ผู้อำนวยการศูนย์เลวาดา (Levada Center) ซึ่งเป็นสถาบันอิสระวิจัยทางสังคมศาสตร์ตั้งอยู่ในกรุงมอสโก รัสเซีย กล่าวว่า สัดส่วนของชาวรัสเซียที่เห็นด้วยต่อการเจรจาสันติภาพและปฏิเสธสงครามเริ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วหลังจากคำสั่งเคลื่อนกำลังพลบางส่วนเมื่อกันยายนที่ต้องการเพิ่มกำลังพลจำนวน 300,000 นาย
“นี่เป็นความลังเลที่จะเข้าร่วมสงครามอย่างเป็นการส่วนตัว” โวลคอฟ (Volkov) กล่าวแสดงต่อสื่อ Meduza และเสริมต่อว่า “ความเสี่ยงมีมากขึ้นในเวลานี้และผู้คนเริ่มต้องการที่จะพูดคุย”
กระทรวงกลาโหมอังกฤษกล่าวในรายงานข่าวกรองลับอัปเดตในวันอาทิตย์ (4) ว่า ผลโพลสำรวจของ FPS นั้นสอดคล้องกับโพลทำในเดือนตุลาคม โดยเสริมว่า
“รัสเซียไม่น่าจะประสบความสำเร็จในการรบส่วนใหญ่ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ยังคงการอนุมัติโดยปริยายของสงครามในกลุ่มประชาชนน่าจะเป็นความยากลำบากเพิ่มขึ้นสำหรับเครมลิน”