กระทรวงกลาโหมรัสเซียแถลงวานนี้ (5 ธ.ค.) ว่าได้มีการส่งระบบขีปนาวุธป้องกันชายฝั่งเคลื่อนที่ไปติดตั้งไว้ที่เกาะแห่งหนึ่งทางตอนเหนือของหมู่เกาะคูริล ซึ่งถือเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญที่คั่นกลางระหว่างญี่ปุ่นกับคาบสมุทรคัมชัตกาของรัสเซีย
รัฐบาลญี่ปุ่นอ้างกรรมสิทธิ์เหนือ 4 เกาะทางใต้สุดของหมู่เกาะคูริล ซึ่งปัจจุบันอยู่ในการควบคุมของรัสเซีย โดยฝ่ายญี่ปุ่นเรียกมันว่าดินแดนตอนเหนือ (Nothern Territories) และปัญหานี้เป็นข้อพิพาทที่ยืดเยื้อมาหลายสิบปี ตั้งแต่กองทัพสหภาพโซเวียตเข้ายึดหมู่เกาะทั้ง 4 ไปจากญี่ปุ่นในช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่ 2
กระทรวงกลาโหมรัสเซียเผยว่า ระบบขีปนาวุธป้องกันชายฝั่ง K-300 P Bastion-P ของรัสเซียซึ่งยิงโจมตีเป้าหมายได้ไกลสุดถึง 500 กิโลเมตร ถูกส่งไปประจำการบนเกาะพารามูชีร์ (Paramushir) ทางตอนเหนือของหมู่เกาะคูริล
“หน่วยทหารชายฝั่งแห่งกองกำลังแปซิฟิกจะมีการตรวจตราตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อควบคุมน่านน้ำและพื้นที่บริเวณช่องแคบ” กระทรวงระบุ
กองทัพรัสเซียยังมีการตั้งค่ายทหารไว้บนเกาะดังกล่าวซึ่งมีภูมิประเทศเอื้อต่อการปฏิบัติภารกิจได้ตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะเป็นในด้านที่พัก อาหาร และการพักผ่อนหย่อนใจของกำลังพล
การประจำการขีปนาวุธเพิ่มครั้งนี้เกิดขึ้นราวๆ 1 ปี หลังจากที่รัสเซียได้ส่งขีปนาวุธป้องกันชายฝั่ง Bastion ไปติดตั้งไว้บนเกาะ Matua ทางตอนกลางของหมู่เกาะคูริล
ศูนย์ยุทธศาสตร์และนานาชาติศึกษา (CSIS) ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. รายงานเมื่อเดือน ก.ย. ว่า รัสเซียกำลังซุ่มเสริมกำลังทหารบนหมู่เกาะคูริลโดยอาศัยจังหวะที่ทั่วโลกต่างมุ่งความสนใจไปที่เรื่องยูเครน
“ความเคลื่อนไหวของรัสเซียสะท้อนให้เห็นว่า หมู่เกาะคูริลจะยังมีบทบาทอันตรายต่อความสัมพันธ์รัสเซีย-ญี่ปุ่นในอนาคต และญี่ปุ่นกับสหรัฐฯ ควรเพิ่มการปรึกษาหารือในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมของรัสเซียในภูมิภาคนี้” รายงานของ CSIS ระบุ
ญี่ปุ่นร่วมมือกับชาติพันธมิตรตะวันตกในการคว่ำบาตรเศรษฐกิจรัสเซีย หลังจากที่ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ประกาศส่งทหารหลายหมื่นนายเข้ารุกรานยูเครนเมื่อเดือน ก.พ. โดยอ้างว่าเป็น “ปฏิบัติการพิเศษทางทหาร”
รัสเซียตอบโต้มาตรการแซงก์ชันของโตเกียวด้วยการถอนตัวออกจากการเจรจาสนธิสันติภาพกับญี่ปุ่น และยังระงับความร่วมมือในโครงการเศรษฐกิจร่วมที่เกี่ยวข้องกับหมู่เกาะคูริลด้วย
ที่มา : รอยเตอร์
