อินโดนีเซียเตรียมออกกฎหมายใหม่ที่กำหนดโทษจำคุกสูงสุด 1 ปี สำหรับการมีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงาน โดยคาดว่าร่างกฎหมายดังกล่าวจะผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาภายในเดือนนี้
ร่างกฎหมายใหม่ยังห้ามมิให้มีการดูหมิ่นประธานาธิบดีหรือสถาบันของรัฐ รวมถึงการแสดงความคิดเห็นที่ต่อต้านค่านิยมของชาติ และยังห้ามการ “อยู่ก่อนแต่ง” ด้วย
เอ็ดเวิร์ด โอมาร์ ชารีฟ เฮียเรียจ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงยุติธรรมอินโดนีเซีย บอกกับรอยเตอร์ว่า กฎหมายอาญาใหม่ซึ่งใช้ระยะเวลาในการร่างและแก้ไขนานหลายสิบปีคาดว่าจะผ่านสภาในวันที่ 15 ธ.ค.
“เราภูมิใจที่จะมีกฎหมายอาญาที่สอดคล้องกับค่านิยมของชาวอินโดนีเซีย” เขากล่าว
กฎหมายฉบับนี้จะมีผลบังคับใช้ทั้งกับพลเมืองอินโดนีเซียและชาวต่างชาติ ขณะที่ภาคธุรกิจออกมาแสดงความเป็นห่วงว่า กฎหมายนี้อาจกระทบต่อภาพลักษณ์ของอินโดนีเซียในฐานะจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวและการลงทุน
ร่างกฎหมายดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากบางองค์กรมุสลิมในอินโดนีเซีย ท่ามกลางกระแสอิสลามอนุรักษนิยมที่เริ่มมาแรง แต่ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยก็เตือนว่ากฎหมายนี้จะบ่อนทำลายการปฏิรูปเชิงเสรีนิยมต่างๆ ที่เกิดขึ้นหลังการสิ้นสุดยุคผู้นำเผด็จการ ซูฮาร์โต เมื่อปี 1998
ร่างกฎหมายฉบับแก้ไขล่าสุดที่ผู้สื่อข่าวรอยเตอร์ได้เห็นเมื่อวันที่ 24 พ.ย. กำหนดระวางโทษจำคุกสูงสุด 1 ปี สำหรับการมีเพศสัมพันธ์นอกสมรส และยังระบุกลุ่มคนที่มีสิทธิเข้าแจ้งความได้เพียงไม่กี่กลุ่ม เช่น ญาติสนิท เป็นต้น
สำหรับความผิดฐานดูหมิ่นประธานาธิบดีมีระวางโทษจำคุกสูงสุดไม่เกิน 3 ปี และมีเพียง “ประธานาธิบดี” เท่านั้นที่จะสามารถเข้าแจ้งความร้องทุกข์ได้
อินโดนีเซียเป็นประเทศที่มีประชากรมุสลิมมากที่สุดในโลก และยังคงมีกฎหมายระดับท้องถิ่นหลายร้อยมาตราที่เข้าข่ายเลือกปฏิบัติต่อสตรี ชนกลุ่มน้อยทางศาสนา และกลุ่ม LGBT
ผู้แทนภาคธุรกิจชี้ว่า ร่างกฎหมายอาญาใหม่เป็นการ “ส่งสัญญาณที่ผิดพลาด” ซึ่งอาจก่อผลเสียทางเศรษฐกิจ หลังจากที่สถานะของอินโดนีเซียในเวทีโลกดูดีขึ้นมากจากการเป็นเจ้าภาพการประชุมซัมมิต G20 ที่เกาะบาหลีเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน
“ในมุมของภาคธุรกิจ การบังคับใช้กฎหมายจารีตจะก่อให้เกิดความไม่แน่นอน และทำให้นักลงทุนต้องคิดทบทวนแผนการลงทุนในอินโดนีเซีย” ชินตา วิจาจา สุกัมดานี รองประธานสมาคมนายจ้างอินโดนีเซีย (APINDO) ระบุ
ที่มา : รอยเตอร์