ราคาน้ำมันทรงตัวในวันพฤหัสบดี (1 ธ.ค.) หลังจีน ผู้นำเข้ารายใหญ่ของโลกผ่อนปรนข้อจำกัดโควิด-19 ใน 2 เมืองหลัก และดอลลาร์อ่อนค่าลง ท่ามกลางความคาดหมายธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจชะลอขึ้นดอกเบี้ย ปัจจัยนี้ดันทองคำพุ่งแรงกว่า 55 ดอลลาร์ ขณะที่วอลล์สตรีทปิดลบ จากข้อมูลทางเศรษฐกิจต่างๆ
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนมกราคม เพิ่มขึ้น 67 เซนต์ ปิดที่ 81.22 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ ลดลง 9 เซนต์ ปิดที่ 86.88 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
การปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์โควิดเป็นศูนย์ของจีน เพิ่มมุมมองในแง่บวกเกี่ยวกับการฟื้นตัวของอุปสงค์น้ำมัน หลังจากกว่างโจว และฉงชิ่งแถลงผ่อนคลายข้อจำกัดสกัดไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในวันพุธ (30 พ.ย.)
นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันยังได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ ที่แตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม หลัง เจอโรม พาวเวล ประธานเฟด แย้งว่า อาจชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือนนี้ ดอลลาร์ที่อ่อนค่าทำให้น้ำมันมีราคาถูกลงสำหรับผู้ซื้อที่ถือครองสกุลเงินอื่นๆ
ปัจจัยดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง ตามหลังประธานเฟดบ่งชี้ถึงความเป็นไปได้ของการชะลอปรับขึ้นดอกเบี้ย ส่งผลกระทบต่อตลาดทองคำเช่นกัน ผลักให้โลหะมีค่าชนิดนี้พุ่งแรงในวันพฤหัสบดี (1 ธ.ค.) โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้น 55.30 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,815.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันพฤหัสบดี (1 ธ.ค.) ปิดผสมผสาน การหดตัวของกิจกรรมการผลิตในเดือนที่แล้วบดบังข้อมูลที่เผยให้เห็นว่าเงินเฟ้อของอเมริกาเบาบางลง และการใช้จ่ายผู้บริโภคแข็งแกร่ง
ดาวโจนส์ ลดลง 194.76 จุด (0.56 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 34,395.01 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 3.54 จุด (0.09 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,076.57 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 14.45 จุด (0.31 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 11,482.45 จุด
กิจกรรมการผลิตของสหรัฐฯ หดตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปีครึ่งในเดือนพฤศจิกายน หลังต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้นกัดเซาะอุปสงค์สำหรับสินค้า และกระตุ้นให้นักลงทุนขายทำกำไร หลังจากดีดตัวขึ้นแรงหนึ่งวันก่อนหน้านี้
ในช่วงต้นของการซื้อขายตลาดแกว่งตัวอยู่ในแดนบวก หลังข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ พบการใช้จ่ายของผู้บริโภคซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 2 ใน 3 ของกิจกรรมทางเศรษฐกิจของอเมริกา ดีดตัวขึ้น 0.8% ในเดือนตุลาคม หลังจากเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนกันยายน
(ที่มา : รอยเตอร์)
