ฟาริเดห์ โมราดคอนี (Farideh Moradkhani) ซึ่งมีศักดิ์เป็นหลานสาวแท้ๆ ของอยาตอลเลาะห์ อาลี คอเมเนอี ผู้นำจิตวิญญาณสูงสุดของอิหร่าน ถูกตำรวจจับกุม หลังเธอออกมาโพสต์คลิปวิดีโอเรียกร้องให้นานาชาติ “ตัดสัมพันธ์” กับรัฐบาลอิหร่านเสีย
โมราดคอนี ถูกจับเมื่อวันพุธที่แล้ว (23 พ.ย.) ขณะเดินทางไปที่สำนักงานอัยการตามหมายเรียกของศาล ตามข้อมูลจาก มะห์ มูด โมราดคอนี (Mahmoud Moradkhani) พี่ชายของเธอซึ่งออกมาแฉเรื่องราวผ่านทวิตเตอร์
ในคลิปวิดีโอซึ่งเผยแพร่ก่อนที่เธอจะถูกจับ โมราดคอนี เรียกร้องให้คนทั่วโลกออกมากดดันรัฐบาลของพวกเขาให้ตัดสัมพันธ์กับระบอบอิหร่าน ท่ามกลางสถานการณ์การชุมนุมประท้วงที่ลุกลามไปทั่วประเทศ นอกจากนี้ เธอยังขอให้ต่างชาติ “ยุติความร่วมมือทุกอย่างกับรัฐบาลอิหร่านชุดนี้”
“โอ้เสรีชนทั้งหลาย จงยืนอยู่ข้างพวกเรา และบอกรัฐบาลของพวกคุณให้หยุดสนับสนุนระบอบฆาตกรที่สังหารเยาวชน รัฐบาลชุดนี้ไม่ได้ซื่อสัตย์ต่อหลักการศาสนา และไม่ได้สนใจกฎหมายหรือกฎเกณฑ์ใดๆ ทั้งสิ้น พวกเขาพร้อมที่จะใช้กำลังทุกวิถีทางเพื่อรักษาอำนาจไว้เท่านั้น”
“ในห้วงเวลาสำคัญของประวัติศาสตร์นี้ มนุษยชาติได้เห็นชาวอิหร่านที่มีเพียงมือเปล่าต่อสู้กับพลังอันชั่วร้ายด้วยความกล้าหาญที่สมควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง” เธอกล่าว “เวลานี้ชาวอิหร่านแบกรับภาระทั้งหมดนี้ไว้ และต้องจ่ายราคาด้วยชีวิตของพวกเขา”
โมราดคอนี ย้ำว่า ชาวอิหร่านจะเป็นศัตรูกับทุกรัฐบาลที่ยังให้การสนับสนุนระบอบอิหร่านอยู่ และขอให้ชาติประชาธิปไตยทั้งหลายเรียกทูต หรือผู้แทนประเทศกลับจากอิหร่าน รวมถึงขับไล่ทูตอิหร่านออกจากประเทศของพวกเขาด้วย
ฟาริเดห์ และมะห์มูด โมราดคอนี เป็นบุตรของ อาลี เตห์รานี (Ali Tehrani) นักการศาสนาฝ่ายค้านที่แต่งงานกับ บัดรี ฮอสเซนี คอเมเนอี (Badri Hosseini Khamenei) น้องสาวแท้ๆ ของผู้นำสูงสุดอิหร่าน โดย เตห์รานี เพิ่งจะเสียชีวิตไปเมื่อเดือนที่แล้ว
เหตุประท้วงครั้งใหญ่ในอิหร่านมีปมเหตุมาจากการที่ มะห์ซา อามินี (Mahsa Amini) หญิงสาววัย 22 ปี ถูกตำรวจศาสนาจับกุมฐานคลุมฮิญาบไม่เรียบร้อยเมื่อเดือน ก.ย. และเสียชีวิตระหว่างถูกควบคุมตัว
โฟลเกอร์ เติร์ก ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ระบุว่า การตายของ มะห์ซา อามินี นำมาซึ่งการลุกฮือของประชาชนในกว่า 150 เมือง และมหาวิทยาลัยอีก 140 แห่งในทั้ง 31 จังหวัดของอิหร่าน โดยจนถึงขณะนี้มีชาวอิหร่านรวมถึงเด็กๆ ถูกจับฐานมีส่วนร่วมในการประท้วงต่อต้านรัฐแล้วมากกว่า 14,000 คน ในจำนวนนี้มีอย่างน้อย 21 คนที่ถูกตัดสิน “ประหารชีวิต” และถูกลงโทษไปแล้ว 6 คน
ที่มา : CNN
