คณะผู้เชี่ยวชาญของสหประชาชาติ ชี้การที่รัฐบาลตอลิบานห้ามไม่ให้สตรีและเด็กหญิงชาวอัฟกานิสถานออกไปเที่ยวสวนสนุก เข้ายิม หรือแม้กระทั่งไปไปโรงเรียนและมหาวิทยาลัย อาจเข้าข่ายก่อ “อาชญากรรมต่อมวลมนุษยชาติ”
ผลการประเมินซึ่งจัดทำโดย ริชาร์ด เบนเน็ตต์ ผู้รายงานพิเศษของยูเอ็นกรณีอัฟกานิสถาน ร่วมกับคณะผู้เชี่ยวชาญยูเอ็นอีก 9 คน ชี้ว่า แนวทางที่ตอลิบานปฏิบัติต่อสตรีและเด็กหญิงอัฟกันเข้าข่ายเป็นการ “กดขี่ข่มเหงเนื่องจากเพศสภาพ” (gender persecution) ภายใต้ธรรมนูญกรุงโรม (Rome Statute) ซึ่งอัฟกานิสถานลงนามเป็นรัฐภาคีด้วย
อับดุล กอฮาร์ บัลคี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของตอลิบาน ได้ออกมาตอบโต้รายงานฉบับนี้ โดยระบุว่า “การที่ยูเอ็นใช้มาตรการคว่ำบาตรแบบเหมารวมต่อคนอัฟกันผู้บริสุทธิ์ โดยอ้างว่าทำเพื่อสิทธิสตรีและความเท่าเทียม ก็ถือเป็นอาชญากรรมสงคราม และอาชญากรรมต่อมวลมนุษยชาติเช่นกัน”
บัลคี ระบุด้วยว่า รัฐบาลตอลิบานถือว่าคำแถลงของยูเอ็นและเจ้าหน้าที่ตะวันตก “เป็นการดูหมิ่นอิสลาม และละเมิดหลักการสากล”
ผู้เชี่ยวชาญยูเอ็นแถลงว่า การที่สตรีอัฟกันถูกสั่งให้เก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน “ไม่ต่างอะไรกับการกักขังหน่วงเหนี่ยว” ซึ่งอาจกระพือปัญหาความรุนแรงในครอบครัว และปัญหาสุขภาพจิต และยังอ้างถึงกรณีของนักเคลื่อนไหวหญิง ซารีฟา ยาโกบี (Zarifa Yaqobi) กับเพื่อนชาย 4 คน ที่ถูกทางการตอลิบานจับกุมในเดือนนี้
กลุ่มตอลิบานได้เข้ายึดกรุงคาบูล และช่วงชิงอำนาจปกครองไปจากรัฐบาลที่ตะวันตกหนุนหลังเมื่อเดือน ส.ค. ปี 2021 ซึ่งในตอนนั้นพวกเขารับปากกับประชาคมโลกว่า “จะเคารพสิทธิสตรี” ในรูปแบบที่สอดคล้องกับการตีความกฎหมายอิสลามของพวกเขา
ชาติตะวันตกเรียกร้องให้ตอลิบานเปลี่ยนแนวปฏิบัติที่พวกเขากระทำต่อสตรี และทำตามคำสัญญาที่ว่าจะเปิดโรงเรียนมัธยมสำหรับเด็กผู้หญิง เพื่อแลกกับการที่รัฐบาลตอลิบานจะได้รับการยอมรับจากนานาชาติ
ขณะเดียวกัน ราวินา ชัมซาดานี โฆษกสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (OHCHR) ก็ออกมาเรียกร้องให้ตอลิบานเลิกลงโทษผู้กระทำความผิดด้วยวิธี “เฆี่ยน” ต่อหน้าสาธารณชนด้วย
ชัมซาดานี ระบุว่า OHCHR ได้รับแจ้งว่ามีการเฆี่ยนตีผู้กระทำความผิดโดยรัฐบาลตอลิบานเกิดขึ้น “หลายกรณี” ในเดือนนี้ รวมถึงกรณีของหญิงชายคู่หนึ่งที่ถูกเฆี่ยนถึง 39 ครั้ง โทษฐานออกไปเที่ยวตามลำพังสองต่อสองโดยที่ยังไม่แต่งงาน
ที่มา : รอยเตอร์