xs
xsm
sm
md
lg

นั่งไม่ติด! “กมลา แฮร์ริส” ประชุมฉุกเฉิน 5 ชาติมหาอำนาจ หลังเกาหลีเหนือยิง ICBM พิสัยไกลสามารถโจมตีที่ใดก็ได้ในสหรัฐฯ “เมดเวเดฟ” เชื่อวอชิงตันทิ้ง "ยูเครน" ไม่เร็วก็ช้าเหมือนที่เคยทำในอดีต

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เอเจนซีส์/MGRออนไลน์ - รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ กมลา แฮร์ริส ประชุมฉุกเฉินร่วมกับผู้นำชาติมหาอำนาจ ได้แก่ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และแคนาดา ที่กรุงเทพฯ วันศุกร์ (18 พ.ย.) หลังเปียงยางยิงทดสอบมิสไซล์ข้ามทวีป ICBM ที่มีพิสัยทำการไปถึงแผ่นดินใหญ่สหรัฐฯ ก่อนแถลงประณามอย่างเร่งด่วน ชี้ละเมิดมติสหประชาชาตินับไม่ถ้วน สั่นคลอนเสถียรภาพร้ายแรง ด้านอดีตรองประธานาธิบดีรัสเซีย ดมิตรี เมดเวเดฟ ยืนยันไม่เร็วก็ช้าอเมริกาจะเบื่อและทิ้งยูเครนเหมือนที่เคยทำ ประชาชนอเมริกันจะตาสว่าง และหันไปหาความจริงท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจถดถอยและสินค้าราคาแพง แต่งบมหาศาลกลับเอื้ออุตสาหกรรมทางการทหารส่งให้ยูเครน

VOA สื่อสหรัฐฯ รายงานวันนี้ (18 พ.ย.) ว่า รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ กมลา แฮร์ริส ที่เดินทางมาไทยเพื่อเข้าร่วมการประชุมเอเปกนั้นได้เรียกประชุมฉุกเฉินร่วมกับผู้นำ 5 ชาติมหาอำนาจ ได้แก่ นายกรัฐมนตรีเกาหลีใต้ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ และนายกรัฐมนตรีแคนาดา หลังเกาหลีเหนือทดสอบยิงมิสไซล์ข้ามทวีป ICBM ที่มีพิสัยทำการไปถึงแผ่นดินใหญ่สหรัฐฯ

อ้างอิงจาก NHK รายงานว่า เลขา ครม.ญี่ปุ่น มัตซึโนะ ฮิโรกาซุ (Matsuno Hirokazu) แถลงวันศุกร์ (18) ว่า เกาหลีเหนือยิงมิสไซล์ที่คล้ายกับมิสไซล์พิสัยข้ามทวีป ICBM เมื่อเวลาราว 10.14 น.ของวันนี้ (18) และตกลงภายในเขตเศรษฐกิจจำเพาะทางทะเลของญี่ปุ่น เมื่อเวลาราว 11.23 น.

มิสไซล์ ICBM เกาหลีเหนือบินระยะทางไกล 1,000 กิโลเมตร และมีระดับเพดานการบินที่ 6,000 กิโลเมตร มัตซึโนะแถลงว่า ไม่มีความเสียหายเกิดขึ้นต่อเครื่องบิน หรือเรือในญี่ปุ่น และอีกทั้งโตเกียวไม่ได้ยิงสกัดมิสไซล์เกาหลีเหนือ

ด้านรัฐมนตรีกลาโหมญี่ปุ่น ฮามาดะ ยาซูกาซุ (Hamada Yasukazu) เปิดเผยว่า มิสไซล์เปียงยางใช้เวลาเดินทางราว 69 นาที และเมื่อคำนวณจะพบว่ามิสไซล์ลูกดังกล่าวมีพิสัยทำการไกล 15,000 กิโลเมตร หรือไกลกว่านั้น ส่งผลทำให้แผ่นดินใหญ่สหรัฐฯ อยู่ภายใต้พิสัยทำการมิสไซล์ลูกนี้ อย่างไรก็ตาม น้ำหนักของหัวรบมิสไซล์จะส่งผลต่อพิสัยทำการของจรวด

VOA รายงานว่า แฮร์ริสกล่าวประณามเกาหลีเหนือมีใจความว่า “การกระทำของเกาหลีเหนือล่าสุดนี้ถือเป็นการละเมิดมติด้านความมั่นคงมากมายของสหประชาชาติอย่างท้าทาย ทำลายเสถียรภาพความมั่นคงของภูมิภาค และเป็นการเพิ่มความตึงเครียดโดยไม่จำเป็น”

การยิงมิสไซล์ ICBM ของเกาหลีเหนือเกิดขึ้นไม่นานก่อนที่การประชุมเอเปกที่มีไทยเป็นเจ้าภาพจะเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ
รอยเตอร์รายงานว่า ระหว่างที่มีการประชุมซัมมิตโดยกลุ่มผู้นำชาติต่างๆ ที่เข้าร่วมพบว่าตำรวจปราบจลาจลได้ยิงกระสุนยางเพื่อสลายกลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลในเวลาเดียวกัน

นายกรัฐมนตรีไทย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งเป็นประธานได้กล่าวเปิดงาน เรียกร้องให้ผู้ที่เข้าร่วมการซัมมิตแสวงหาการเติบโตและการพัฒนาอย่างยั่งยืนหลังโลกจากถูกท้าทายจากวิกฤตโควิด-19 อย่างหนัก รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศโลก และความขัดแย้งทางรัฐภูมิศาสตร์ต่างๆ

ในการขึ้นกล่าวรอยเตอร์ชี้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้กล่าวไปถึง “เกาหลีเหนือ” หรือการยิงทดสอบมิสไซล์ ICBM ของเกาหลีเหนือ แต่ทว่านายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ฟูมิโอะ คิชิดะ ที่เข้าร่วมการประชุมฉุกเฉินร่วมกับแฮร์ริส กล่าวกับนักข่าวว่า เกาหลีเหนือยั่วยุบ่อยครั้งด้วยความถี่อย่างคาดไม่ถึง

CNN รายงานว่า ขณะที่ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ยุนซอกยอล ในวันศุกร์ (18) สั่งการด่วนให้ขยายมาตรการป้องปรามต่อเกาหลีเหนือ และพบว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน ซึ่งเดินทางกลับสหรัฐฯ หลังการร่วมการประชุม G-20 ที่อินโดนีเซียได้รับรายงานสรุป และทีมความมั่นคงของเขาจะยังคงเฝ้าจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิดร่วมกับชาติพันธมิตร อ้างอิงจากโฆษกสภาความมั่นคงสหรัฐฯ ที่ออกแถลงการณ์วันนี้ (18)

ทั้งนี้ แฮร์ริสซึ่งเป็นผู้นำคณะผู้แทนจากสหรัฐฯ ร่วมการประชุมเอเปกที่กรุงเทพฯ ครั้งนี้ประกาศในที่ประชุมเอเปก ซีอีโอ ซัมมิต ว่า ไม่มีพันธมิตรทางเศรษฐกิจใดสำหรับอินโด-แปซิฟิกที่ดีไปกว่าสหรัฐฯ ในความพยายามเพื่อผลักดันโครงการกรอบการทำงานเศรษฐกิจอินโด-แปซิฟิก (Indo-Pacific Economic Framework) ของประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน ที่ได้เริ่มเปิดตัวเป็นครั้งแรกเมื่อพฤษภาคม

ด้านอดีตประธานาธิบดีรัสเซีย ดมิตรี เมดเวเดฟ ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติรัสเซีย แสดงความเห็นถึงวอชิงตันเกี่ยวกับสถานการณ์ยูเครนว่า “ไม่เร็วก็ช้าสหรัฐฯ จะต้องทิ้งยูเครน”

ในวันพฤหัสบดี (18) อ้างอิงจากเดลีเมล สื่ออังกฤษ พบว่า ไบเดนออกมาขัดประธานาธิบดียูเครน โวโลดิมีร์ เซเลนสกี เกี่ยวกับมิสไซล์ที่ยิงตกเข้าไปในดินแดนโปแลนด์ที่อ้างว่า “เป็นมิสไซล์รัสเซีย” แต่ทว่าไบเดนซึ่งถูกนักข่าวซักถามระหว่างการเดินทางกลับไปยังสหรัฐฯ ตอบนักข่าวว่า “นั่นไม่ใช่หลักฐาน”

News 360 รายงานว่า เมดเวเดฟกล่าวต่อว่า ประเด็นการให้ความช่วยเหลือยูเครนนั้นเป็นประเด็นที่เลวร้ายในสหรัฐฯ เขากล่าวผ่านช่องเทเลแกรมของตัวเองว่า “สหรัฐฯ มักทิ้งเพื่อนตัวเองเสมอ ซึ่งครั้งนี้จะทำไม่เร็วก็ช้า”

และแสดงความเห็นเพิ่มเติมว่า “เงินร่วมหลายพันล้านดอลลาร์ที่อ้างโดยตาแก่ไบเดนที่แปลกประหลาด (ประธานาธิบดี โจ ไบเดน) มันอยู่ที่ไหน คนที่ถูกเรียกในฐานะรองประธานาธิบดียูเครนในสภาคองเกรสหรัฐฯ”

นอกจากนี้ เมดเวเดฟได้ชี้ไปว่า พรรครีพับลิกันมีความแข็งแกร่งมากขึ้นหลังเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐฯ และเชื่อว่าประชาชนอเมริกันทั่วไปจะหันไปสู่ความเป็นจริง “พวกเขาถูกหลอกอีกครั้งในช่วงเวลาวิกฤตเศรษฐกิจถดถอยและของราคาแพงขึ้นทุกอย่าง  เงินจำนวนมหาศาลที่ถูกส่งออกมาจากงบประมาณสหรัฐฯ นั้นหายไปในทางที่ไม่เป็นที่แน่ชัดเพื่อเป็นประโยชน์ให้อุตสาหกรรมทางการทหาร”

อดีตรองประธานาธิบดีรัสเซียยังอ้างต่อว่า เป้าหมายเพื่อเอื้อผลประโยชน์ครอบครัวไบเดน และบรรดาหัวขโมยต่างๆ ในสหรัฐฯ และส่วนต่างๆ ของโลก เขาชี้ว่าผลกระทบนี้จะเพิ่มพูนตราบเท่าที่สภาคองเกรสสหรัฐฯ ยังไม่ยุติการสนับสนุนต่อรัฐบาลชาตินิยมยูเครน


กำลังโหลดความคิดเห็น