รัฐบาลตุรกีออกมากล่าวโทษ “กลุ่มติดอาวุธชาวเคิร์ด” ว่าอยู่เบื้องหลังเหตุระเบิดที่ใจกลางนครอิสตันบูล ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 6 ราย บาดเจ็บกว่า 80 คนเมื่อวานนี้ (13 พ.ย.) ขณะที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยได้แล้ว 22 คน รวมถึง “มือวางระเบิด” ซึ่งเป็นผู้หญิง
สุเลย์มาน ซอยลู รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยตุรกี แถลงว่า คำสั่งโจมตีอิสตันบูลถูกส่งตรงมาจากเมืองโคบานี (Kobani) ทางตอนเหนือของซีเรีย ซึ่งตุรกีได้มีการส่งกองกำลังเข้าไปปฏิบัติภารกิจปราบปรามกลุ่มติดอาวุธเคิร์ด YPG ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา
“เราประเมินว่าคำสั่งโจมตีมาจากโคบานี” ซอยลู กล่าว พร้อมระบุว่า มือระเบิดเดินทางเข้ามายังตุรกีผ่านทางอาฟริน (Afrin) ซึ่งเป็นภูมิภาคทางตอนเหนือของซีเรีย
“บุคคลที่เป็นผู้นำระเบิดมาวางทิ้งไว้ถูกจับแล้ว และก่อนหน้านั้นตำรวจได้จับกุมผู้ต้องสงสัยไว้อีก 21 คน”
สถานีโทรทัศน์ตุรกีได้เปิดเผยภาพคนร้ายซึ่งดูเหมือนจะเป็น “ผู้หญิง” วางห่อสิ่งของเอาไว้ใต้กระบะดอกไม้บนถนนอิสติกลาล อเวนิว ซึ่งเป็นแหล่งชอปปิ้งที่ได้รับความนิยมทั้งในหมู่ชาวตุรกี และนักท่องเที่ยวต่างชาติ
ภาพจากกล้องวงจรปิดเผยให้เห็นว่า การระเบิดซึ่งเกิดขึ้นเมื่อเวลา 16.13 น.ตามเวลาท้องถิ่นส่งผลให้เกิดฝุ่นฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ และมีผู้บาดเจ็บนอนกองอยู่ที่พื้นหลายราย
ผู้เสียชีวิตทั้ง 6 คนล้วนเป็นชาวตุรกี ขณะที่ผู้บาดเจ็บ 50 คนได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว และยังเหลือนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลอีก 31 คน
เหตุการณ์นี้ได้สร้างความหวาดกลัวว่าตุรกีอาจเผชิญเหตุโจมตีและลอบวางระเบิดต่อเนื่อง เหมือนเช่นที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในช่วงกลางปี 2015 จนถึงปี 2017
อิสตันบูลเคยตกเป็นเป้าหมายโจมตีของกลุ่มติดอาวุธเคิร์ด อิสลามิสต์ และกลุ่มฝ่ายซ้ายมาแล้วก่อนหน้านี้ โดยกลุ่มซึ่งเป็นสาขาย่อยของพรรคแรงงานเคอร์ดิสถาน (PKK) เคยออกมาอ้างผลงานวางระเบิด 2 ครั้งที่ด้านนอกสนามฟุตบอลในอิสตันบูลเมื่อเดือน ธ.ค. ปี 2016 ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตไป 38 ราย บาดเจ็บอีก 155 คน
รัฐบาลอังการา ระบุว่า กลุ่มติดอาวุธ YPG ที่สหรัฐฯ ให้การสนับสนุนในซีเรียนั้น เป็น “สาขา” หนึ่งของ PKK ซึ่งก่อเหตุความไม่สงบต่อต้านรัฐบาลตุรกีมาตั้งแต่ปี 1984 การปะทะระหว่างทั้ง 2 ฝ่ายทำให้มีผู้คนล้มตายไปแล้วมากกว่า 40,000 คน
ปัจจุบัน PKK ถูกรัฐบาลตุรกี สหรัฐฯ และสหภาพยุโรป (อียู) ขึ้นบัญชีเป็นองค์กรก่อการร้าย
ที่มา : รอยเตอร์