ฮือฮา! อดีตโฆษกหญิงทำเนียบขาวทำแต้มชนะเลือกตั้งผู้ว่าการรัฐอาร์คันซอ แต่ผู้สมัครอื่นของทรัมป์ผลงานต่ำกว่าเป้า ผลอัปเดตชี้รีพับลิกันมีคะแนนนำสภาล่างสหรัฐฯ เดโมแครตนำสภาสูงแต่เสียงไม่ขาด

เอเจนซีส์/MGRออนไลน์ & ผลเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐฯ ล่าสุดที่ยังคงนับอยู่ พบว่า พรรครีพับลิกันได้ 220 เสียงในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ขณะที่พรรคเดโมแครตได้ไป 215 เสียง ส่วนวุฒิสภาสหรัฐฯ พบว่าพรรคเดโมแครตได้ 48 เสียง และพรรครีพับลิกันได้ไป 47 เสียง ชัค ท็อด ผู้จัดชื่อดัง MSNBC ประกาศกลางรายการว่า คืนเลือกตั้งเป็นเหมือนฝันร้ายของอดีตผู้นำ โดนัลด์ ทรัมป์ และฝันดีของคู่แข่งผู้ว่าการรัฐฟลอริดา รอน เดอซานติส ที่เห็นจากผู้สมัครที่ได้รับการรับรองจากทรัมป์ ทำผลงานไม่ดีในเลือกตั้งกลางเทอม 2022 ส่วนเดอซานติส คู่แข่งทรัมป์ สามารถชนะเลือกตั้งผู้ว่ารัฐสมัย 2 พร้อมแข่งชิง ปธน.สหรัฐฯ ปี 2024 ด้าน ซาราห์ ฮักคาบี แซนเดอร์ส อดีตโฆษกทำเนียบขาวสมัยทรัมป์ ชนะกลายเป็นผู้ว่าหญิงรัฐอาร์คันซอคนแรก

NBC News สื่อสหรัฐฯ รายงานวันนี้ (9 พ.ย.) ว่า ผลคะแนนเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐฯ เริ่มออกมาแล้ว ล่าสุดตามเวลาฝั่งตะวันออกสหรัฐฯ 05.03 น. ของวันพุธ (9) พบว่า พรรครีพับลิกันชนะสภาล่างสหรัฐฯ อยู่ที่ 220 เสียง ส่วนเดโมแครตได้ไป 215 เสียง สำหรับสภาสูงสหรัฐฯ พรรคเดโมแครตได้ไป 48 เสียง และพรรครีพับลิกันได้ไป 47 เสียง และการเลือกตั้งผู้ว่าการรัฐผลคะแนนที่ทยอยออกมาพบว่า พรรครีพับลิกันได้ไป 24 รัฐ ส่วนพรรคเดโมแครตได้ไป 21 รัฐ

ชัค ท็อดด์ (Chuck Todd) ผู้จัดชื่อดังจากสถานีโทรทัศน์ MSNBC แสดงความเห็นผ่านรายการทางทีวีข้ามคืนว่า ดูเหมือนคืนเลือกตั้งจะเป็นฝันร้ายสำหรับอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกันเพราะดูเหมือนผู้สมัครที่เขาประกาศรับรองและขึ้นเวทีขึ้นหาเสียงไม่ว่าจะเป็น เบลค มาสเตอร์ส (Blake Masters) ชิง ส.ว.รัฐแอริโซนาที่มีคะแนนตามคู่แข่งพรรคเดโมแครต ส.ว. มาร์ค เคลลี (Mark Kelly) ส่วน เมห์เมต ออซ (Mehmet Oz) หรือด็อกเตอร์ออซ หมอทีวีอเมริกันชื่อดัง พ่ายให้จอห์น เฟตเตอร์แมน (John Fetterman) จากพรรคเดโมแครต ชิงตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภารัฐเพนซิลเวเนีย โดยเอพีรายงานผลคะแนนว่าเฟตเตอร์แมนชนะ 90%

เอพีรายงานว่า ส่วน โดนัลด์ โบลดัค (Donald Bolduc) แพ้ไปที่ 43.8% ให้ แม็กกี แฮสแซน (Maggie Hassan) ที่ชนะตำแหน่ง ส.ว.รัฐนิวแฮมป์เชียร์ไป 81% และเฮอร์เชล วอล์กเกอร์ (Herschel Walker) ซึ่งถูกรับรองโดยทรัมป์ ทั้งนี้ วอล์กเกอร์ทำคะแนน 48.5% ไล่ตามมาติดๆคู่แข่ง ราฟาเอล วอร์น็อค (Raphael Warnock) พรรคเดโมแครตที่ได้ไป 49.4%

สำหรับวอร์น็อคนั้น เดอะการ์เดียนรายงานวันจันทร์ (7) พบเคยถูกอดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติสมัยทรัมป์ อเมริกันเชื้อสายอินเดีย นิกกี เฮลี ขึ้นเวทีวันอาทิตย์ (6) ว่า เขาสมควรถูกเนรเทศออกนอกสหรัฐฯ สร้างเสียงวิจารณ์ไปทั่ว โดยในการหาเสียง เฮลีที่ถูกมองว่าเป็นตัวเต็งสำหรับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปี 2024  กล่าวว่า เธอเป็นลูกผู้อพยพชาวอินเดียเข้าประเทศ และอ้างว่า "ต่างชาติที่เข้าประเทศอย่างถูกกฎหมาย" มีความรักชาติมากกว่าพวกการเมืองปีกซ้ายสหรัฐฯ เพราะพวกเขาต้องการที่จะให้กฎหมายถูกบังคับใช้ในอเมริกา 'ดังนั้น คนเดียวที่พวกเราต้องการเนรเทศคือ "วอร์นอค" 

ท็อดด์กล่าวว่า สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงแพตเทิร์นหรือเทรนด์ถึงการต่อสู้สำหรับประเภทผู้ลงสมัครตามแบบของทรัมป์ เมื่อเทียบกับของมิตต์ แม็คคอนเนล ผู้นำเสียงข้างน้อยสภาล่างสหรัฐฯ จากพรรครีพับลิกัน

ในรายการผู้จัดคนอื่นๆ ที่เข้าร่วมเวทีแสดงความเห็นว่า ในงานที่ถูกจัดขึ้นที่คฤหาสน์มาราลาโก รัฐฟลอริดาของทรัมป์ เขาประกาศต่อกลุ่มผู้สื่อข่าวว่า เขาไม่คิดว่าแม็คคอนเนลสมควรเป็นผู้นำคอคัส (Caucus) ของพรรค

สำหรับคู่แข่งของทรัมป์ ผู้ว่าการรัฐฟลอริดา รอน เดอซานติส นั้น ท็อดด์ระบุว่า เป็นคืนที่ฝันดีสำหรับเขาอย่างแท้จริง เดอซานติสที่ถูกทรัมป์ล้อเลียนเปลี่ยนชื่อเป็น “เดอแซงค์ทิโมเนียส”(DeSanctimonious) ชนะคู่แข่งจากพรรคเดโมแครต ชาร์ลี คริสต์ (Charlie Crist) ไปได้สำเร็จกว่า 1.5 ล้านเสียง นั่งเป็นผู้ว่าการรัฐซันชายน์สเตทไปอีก 1 สมัย

360นิวส์รายงานว่า ในงานฉลองชัยชนะเดอซานติส ส่งสัญญาณไปยังทรัมป์คู่แข่งคนสำคัญว่า เขาจะลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปี 2024 กล่าวว่า ถึงแม้รัฐบาลสหรัฐฯ ของประธานาธิบดีพรรคเดโมแครต โจ ไบเดน ความเป็นผู้นำที่ง่อนแง่นในระดับระหว่างประเทศ แต่ที่รัฐฟลอริดายังคงอยู่ในหนทางที่ถูกต้อง

“ผมเชื่อว่าความอยู่รอดของการทดสอบชาวอเมริกันนั้นต้องมีการเกิดใหม่ของหลักการอเมริกันที่แท้จริง...ซึ่งรัฐฟลอริดาได้แสดงให้เห็นอย่างประจักษ์แล้วว่ามันทำได้ พวกเราได้เสนอแสงสว่างแห่งความหวังว่าวันที่ดีกว่ากำลังรออยู่เบื้องหน้า”

พีเพิลรายงานว่า ทั้งนี้ในศึกเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐฯ พบว่า สเตซี เอแบรมส์ ยอมรับความพ่ายแพ้ในการชิงผู้ว่าการรัฐจอร์เจียให้คู่แข่งพรรครีพับลิกันหน้าเดิม ผู้ว่าการรัฐจอร์เจีย ไบรอัน เคมป์ หลังจากเอแบรมส์สร้างประวัติศาสตร์ปี 2018 กลายเป็นผู้สมัครหญิงผิวสีคนแรกของรัฐขึ้นชิงตำแหน่งผู้ว่าการรัฐทางใต้แห่งนี้

เอแบรมส์เป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้เพื่อสิทธิการออกเสียงเลือกตั้งของชนกลุ่มน้อยในอเมริกา

ขณะที่รัฐแมรีแลนด์ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของนักต่อสู้เพื่อเลิกทาส แฮร์เรียต ทับแมน (Harriet Tubman) สตรีแอฟริกันอเมริกันคนแรกที่จะมีภาพปรากฏอยู่บนสกุลเงินสหรัฐฯ พบว่า เลือกตั้งกลางเทอมเที่ยวนี้รัฐแมรีแลนด์ในรอบ 200 ปีเลือกผู้ว่าการรัฐผิวสี เวส มัวร์ (Wes Moore) พรรคเดโมแครต โดยหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์รายงานว่า เอพีประกาศว่าคะแนนชี้ว่ามัวร์ จะชนะผู้สมัครพรรครีพับลิกันที่อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ให้การสนับสนุนคือ แดน ค็อกซ์ (Dan Cox)

ฮัฟฟ์โพสต์รายงานว่า อดีตโฆษกทำเนียบขาวของทรัมป์ระหว่างปี 2017-2019 ซาราห์ ฮักคาบี แซนเดอร์ส (Sarah Huckabee Sanders) สร้างเสียงฮือฮาด้วยการชนะเลือกตั้งผู้ว่าการรัฐอาร์คันซอ เอาชนะคู่แข่งพรรคเดโมแครต คริส โจนส์ (Chris Jones) และผู้สมัครจากลิเบอร์แทเรียน (libertarian) ริคกี เดล แฮร์ริงตัน (Ricky Dale Harrington)

ชัยชนะของแซนเดอร์ ส่งผลทำให้เธอกลายเป็นอดีตผู้ช่วยระดับสูงสุดของทรัมป์ที่เข้าดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่รัฐที่มาจากการเลือกตั้ง และยังกลายเป็นผู้ว่าการหญิงคนแรกของรัฐอาร์คันซอ ซึ่งเคยเป็นรัฐที่อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ บิล คลินตัน เคยดำรงตำแหน่งมาก่อน

ขณะที่เกรตเชน วิธเมอร์ (Gretchen Whitmer) สามารถคว้าตำแหน่งผู้ว่าการรัฐมิชิแกนต่อได้อีกสมัย NBC News รายงาน ว่าจากคะแนนบ่งชี้ว่า เธอสามารถเอาชนะคู่แข่งที่ได้รับการสนับสนุนจากทรัมป์ ทิวดอร์ ดิกสัน (Tudor Dixon)

วิธเมอร์เคยตกเป็นข่าวดังในปีที่ผ่านมา เมื่อวันที่ 8 ปี 2020 FBI สหรัฐฯ ประกาศจับกุมชาย 13 คน ในข้อหาวางแผนเพื่อลักพาตัวผู้ว่าการรัฐมิชิแกนวิธเมอร์ของพรรคเดโมแครต และต้องการใช้ความรุนแรงเพื่อโค่นรัฐบาลรัฐมิชิแกน โดยครึ่งหนึ่งของผู้ต้องสงสัยเป็นสมาชิกกลุ่มหัวรุนแรงผิวขาวสหรัฐฯ วูฟเวอรีน วอตช์เมน (Wolverine Watchmen)