เอเจนซีส์ - แบร์รี ดิลเลอร์ ผู้ก่อตั้งบริษัทอินเทอร์เน็ตและมีเดีย IAC ของสหรัฐฯ วิจารณ์ มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก ถึงการทำธุรกิจเมตาเวิร์สว่า เป็นสิ่งผิดปกติมากที่เปลี่ยนเป้าหมายการทำธุรกิจในเทคโนโลยีที่ยังไม่มีตัวตนถึงขั้นยอมเปลี่ยนชื่อบริษัทของตัวเองที่ติดตลาดมาตลอด หุ้นเมตาร่วง 70% ตั้งแต่เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็นต้นมา ส่วน อิลอน มัสก์ โดนวิพากษ์หนักเรื่องซื้อทวิตเตอร์ ชี้ มัสก์กำลังซื้อของเล่นชิ้นใหม่ ทวิตเตอร์เล็กลงแน่ภายใต้การบริหารบอสคนใหม่
บิสซิเนสอินไซเดอร์ รายงานวานนี้ (7 พ.ย.) ว่า เจ้าพ่อสื่อและอินเทอร์เน็ตสหรัฐฯ แบร์รี ดิลเลอร์ (Barry Diller) ออกมาวิจารณ์ มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก อย่างรุนแรง โดยกล่าวว่า เขามีความนับถืออย่างมากต่อซัคเกอร์เบิร์ก แต่ทว่ามีคำถามต่อการตัดสินใจของผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊กในการเปลี่ยนแนวทางการทำธุรกิจมาที่ "เมตาเวิร์ส" (Metaverse) โลกดิจิทัลที่ผู้ใช้ติดต่อกันผ่านทางตัวละครสมมติ (Avatar)
ดิลเลอร์ซึ่งทำเงินมหาศาลหลายพันล้านเหรียญจากการก่อตั้งและลงทุนในบริษัทสื่อสารยักษ์ใหญ่จำนวนมาก เช่น บริษัทเอ็กพีเดีย กรุ๊ป บริษัทฟ็อกซ์ บรอดแคสติง คอมปานี และบริษัท USA บรอดแคสติง ซึ่งปัจจุบันดิลเลอร์ วัย 80 ปี มีมูลค่าความร่ำรวยอยู่ที่ 3.8 พันล้านดอลลาร์
“หากคุณต้องการเปลี่ยนชื่อบริษัทของตัวเองเป็นสิ่งใหม่ยังไม่เกิดเพื่อกลบสิ่งที่ติดตลาดประสบความสำเร็จอย่างมากนั่นถือเป็นสิ่งที่แปลกประหลาดมาก” ดิลเลอร์แสดงความเห็น
ซึ่งหลังจากที่ซักเคอร์เบิร์กได้เปลี่ยนชื่อบริษัทจากเฟซบุ๊กไปเป็นเมตา พร้อมวิสัยทัศน์การทำธุรกิจไปที่โปรเจกต์เมตาเวิร์สด้วยเป้าหมายว่า ในอนาคตผู้คนจะเชื่อมโยงเข้าหากันในโลกเสมือนจริงผ่านการใช้อุปกรณ์แว่น VR โดยผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊กได้ลงทุนกับโปรเจกต์เมตาเวิร์สไปแล้ว 15 พันล้านดอลลาร์
แต่บรรดานักวิจารณ์ต่างชี้ว่า เทคโนโลยีตอนนี้ยังไปไม่ถึงขั้นนั้น ซึ่งทั้งบริษัมแอปเปิลและ Snap ต่างหลีกเลี่ยง บิสซิเนสอินไซเดอร์รายงานว่า นับตั้งแต่เฟซบุ๊กถูกเปลี่ยนเป็นเมตา พบว่ามูลค่าหุ้นตกไปกว่า 70%
ดิลเลอร์ย้ำว่า มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก จะประสบความสำเร็จมากกว่านี้หากว่าเขายังคงทำธุรกิจในแนวทางเฟซบุ๊กแบบเก่า เขาแสดงความเห็นกับ CNBC โดยชี้ว่า เฟซบุ๊กจะประสบความสำเร็จอย่างมหาศาลหากว่า TikTok ถูกแบนในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวที่น่าจะเกิดขึ้น
สื่อธุรกิจรายงานว่า สมาชิกพรรครีพับลิกันที่ผ่านมาไม่กี่เดือนพยายามจะนำการแบน TikTok ของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ กลับมาด้วยความวิตกว่าข้อมูลสหรัฐฯ จะตกอยู่ในมือของรัฐบาลปักกิ่ง
นอกเหนือจากซัคเกอร์เบิร์กที่ดิลเลอร์ออกมาวิจารณ์แล้ว ยังพบว่า อีลอน มัสก์ ยังถูกเจ้าพ่อสื่อและอินเทอร์เน็ตสหรัฐฯ วิจารณ์อย่างไม่ยั้งเช่นกันในประเด็นการซื้อทวิตเตอร์ที่อื้อฉาว
เดอะฮิลล์รายงานวันนี้ (8) ว่า ดิลเลอร์แสดงความเห็นถึงมัสก์ในวันจันทร์ (7) กับ CNBC ว่า ดีล 44 พันล้านดอลลาร์เพื่อซื้อทวิตเตอร์ของอีลอน มัสก์นั้นเป็นเหมือนการซื้อ “ของเล่น” และทำนายต่อว่า เชื่อว่าแพลตฟอร์มทวิตเตอร์นกสีฟ้าที่เคยรุ่งเรืองในอดีตจะเล็กลงภายใต้การบริหารของมัสก์
“คุณมีคนที่รวยเอามากๆ และเขาซื้อของเล่น เขาได้ซื้อของเล่น และจะอีกนานเท่าใดที่เขาจะใช้มันเหมือนของเล่น พวกเราไม่รู้แต่เขาจะไม่เดินจากไปอย่างแน่นอน ผมไม่คิดเช่นนั้น”
ดิลเลอร์แสดงความเห็นต่อว่า เขาคิดว่ามัสก์จะทำการเปลี่ยนแปลงในแง่บวกต่อแพลตฟอร์มแต่เขาไม่คาดหวังว่าทวิตเตอร์จะขยายตัวออกไป “ทวิตเตอร์จะดีขึ้น แต่ทวิตเตอร์จะเล็กลง” เขากล่าว