รัสเซียประกาศยุติการระดมกำลังพลสำรองเพื่อทำสงครามในยูเครนเมื่อวานนี้ (28 ต.ค.) หลังจากที่เกณฑ์ประชากรชายหลายแสนคนเข้าเป็นทหารในระยะเวลา 1 เดือน และส่งพวกเขากว่า 1 ใน 4 เข้าสู่สนามรบในยูเครนแล้ว ซึ่งถือเป็นการเรียกระดมพลครั้งแรกในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่จุดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก
ด้านสหรัฐฯ ประกาศจะส่งความช่วยเหลือด้านการทหารให้แก่ยูเครนเพิ่มอีก 275 ล้านดอลลาร์ โดยจะมีทั้งอาวุธ เครื่องกระสุน และเครื่องไม้เครื่องมืออื่นๆ ในคลังของเพนตากอน ซึ่งจะส่งผลให้มูลค่าความช่วยเหลือทางทหารที่รัฐบาลประธานาธิบดี โจ ไบเดน มอบให้เคียฟเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 18,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า วอชิงตันกำลังเตรียมจัดส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศที่ยูเครนจำเป็นต้องมี โดยพร้อมจะส่งระบบขีปนาวุธต่อต้านอากาศยาน NASAMS จำนวน 2 ชุดแรกไปให้ภายในเดือน พ.ย.นี้
บลิงเคน เผยด้วยว่า สหรัฐฯ ยังคงทำงานร่วมกับพันธมิตรและหุ้นส่วน เพื่อสนับสนุนให้ประเทศเหล่านั้นแบ่งปันระบบป้องกันภัยทางอากาศให้แก่ยูเครน
ประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครนออกมาแสดงความกังขาว่า มอสโกจะหยุดระดมกำลังพลสำรองจริงตามที่พูดหรือไม่
“กองกำลังรัสเซียมีประสิทธิภาพต่ำทั้งในแง่การเตรียมตัวและอาวุธ และถูกผู้บังคับบัญชาใช้งานอย่างป่าเถื่อน นั่นทำให้เราคาดเดาได้ว่าอีกไม่นานรัสเซียก็คงจะต้องเกณฑ์คนมาทำสงครามเพิ่มอีก” เซเลนสกี ระบุในถ้อยแถลงประจำวัน
คำสั่งระดมกำลังพลสำรองทำให้ชายชาวรัสเซียนับหมื่นๆ คนตัดสินใจเดินทางออกนอกประเทศเพื่อหนีทหาร และยังกลายเป็นชนวนทำให้คนรัสเซียบางส่วนเริ่มออกมาประท้วงต่อต้านสงคราม
เซียร์เก ชอยกู รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมรัสเซีย กล่าวต่อประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ระหว่างการประชุมที่ทำเนียบเครมลินซึ่งถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ว่า “ภารกิจที่ท่านมอบหมายให้ระดมกำลังพลจำนวน 300,000 นายสำเร็จเสร็จสิ้นลงแล้ว และยังไม่มีมาตรการอื่นใดเพิ่มเติม” พร้อมทั้งระบุว่า กำลังพลสำรอง 82,000 นาย ถูกส่งไปยังพื้นที่แนวหน้าแล้ว ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างฝึกฝนทางยุทธวิธี
ปูติน ได้กล่าวขอบคุณทหารกองหนุน “สำหรับความทุ่มเทเพื่อหน้าที่ ความรักชาติบ้านเมือง และความมุ่งมั่นที่จะปกป้องประเทศ ปกป้องรัสเซียซึ่งหมายถึงบ้าน ครอบครัว พลเมือง และประชาชนของพวกเรา”
ชอยกู ยอมรับว่า “มีปัญหาเกิดขึ้นบ้าง” ในช่วงที่ประกาศระดมพลใหม่ๆ ทว่ากองทัพได้แก้ไขอุปสรรคเหล่านั้นแล้ว ขณะที่ ปูติน ระบุว่า “ข้อผิดพลาด” เป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง เนื่องจากรัสเซียไม่ได้มีการระดมกำลังพลสำรองมานานมากแล้ว ทว่าอย่างน้อยก็ทำให้ได้รับบทเรียน
นักวิเคราะห์ด้านการทหารของตะวันตกมองว่า การเรียกระดมพลครั้งนี้ช่วยให้รัสเซียสามารถแก้ปัญหาขาดแคลนกำลังพลสำหรับป้องกันพื้นที่แนวหน้าซึ่งมีระยะทางราว 1,000 กิโลเมตร ทว่า “คุณภาพ” ของการเกณฑ์ทหารที่แท้จริงขึ้นอยู่กับว่ามอสโกจะสามารถฝึกฝนและติดอาวุธให้แก่ทหารกองหนุนเหล่านี้ได้ดีแค่ไหน
ขณะเดียวกัน ฝ่ายยูเครนยังคงรุกคืบต่อเนื่อง โดย เซอร์ฮีย์ ไกได ผู้ว่าการแคว้นลูฮันสก์ ประกาศวานนี้ (28) ว่า กองกำลังเคียฟสามารถยึดถนนสายสำคัญที่เชื่อมระหว่างเมือง Svatove กับ Kreminna ซึ่งเป็น 2 เมืองที่คาดว่าจะกลายเป็นสมรภูมิใหญ่ในภาคตะวันออก ทว่ารอยเตอร์ยังไม่สามารถพิสูจน์ยืนยันคำกล่าวอ้างนี้ได้
สำหรับปฏิบัติการเคลื่อนพลเพื่อยึดเคียร์ซอน (Kherson) ทางตอนใต้กลับคืนจากรัสเซียค่อนข้างล่าช้าลงในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ซึ่งรัฐบาลยูเครนชี้แจงว่า เป็นเพราะสภาพอากาศเลวร้ายและภูมิประเทศที่ค่อนข้างทุรกันดาร
ที่มา : รอยเตอร์
