ปัญหาขาดแคลนเบนซินทั่วชายฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯ กำลังผลักให้ราคาหน้าปั๊มพุ่งทะยาน ไล่ตั้งแต่รัฐนิวยอร์ก ไปจนถึงรัฐเมน มีความเป็นไปได้ว่าจะก่อความผิดหวังแก่รัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่พยายามควบคุมราคาพลังงานก่อนถึงศึกเลือกตั้งกลางเทอมในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน
ราคาเบนซินหน้าปั๊มในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐฯ พุ่งทะยานชั่วข้ามคืน สวนทางกับแนวโน้มขาลงที่พบเห็นในพื้นที่อื่นทั่วประเทศ มีรายงานว่า คลังเชื้อเพลิงบางแห่งในภูมิภาคแถบนี้เชื้อเพลิงใกล้หมดคลังแล้ว เนื่องจากการนำเข้าชะลอตัว ท่ามกลางวิกฤตพลังงานที่ลุกลามไปทั่วโลก
ภาวะราคาเชื้อเพลิงหน้าปั๊มที่พุ่งสูงกลายเป็นจุดเจ็บปวดทางการเมืองสำหรับพรรคเดโมแครต ด้วยศึกเลือกตั้งกลางเทอมอยู่ห่างออกไปแค่สัปดาห์เศษๆ และรัฐบาลของไบเดนเคยโอ้อวดเกี่ยวกับความสำเร็จในการฉุดราคาเบนซินให้ลดต่ำลง แต่ข้อเท็จจริงคือเวลานี้ราคาเบนซินยังคงสูงกว่ามากจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนในหลายรัฐ ในนั้นรวมถึงในรัฐแกว่ง หรือรัฐสมรภูมิที่จะเป็นตัวตัดสินว่าพรรคไหนจะครองเสียงข้างมากในสภาคองเกรส
สหรัฐฯ เป็นผู้ผลิตเบนซินรายใหญ่ แต่เชื้อเพลิงส่วนใหญ่ที่ผลิตในศูนย์กลางการกลั่นบริเวณคาบสมุทรกัลฟ์ เป็นการส่งออกไปยังละตินอเมริกา
ขณะเดียวกัน สืบเนื่องจากข้อจำกัดด้านโครงสร้างพื้นฐาน ส่งผลให้พื้นที่แถบชายฝั่งทางตะวันออกของสหรัฐฯ ต้องพึ่งพิงการนำเข้าจากต่างแดน แต่การนำเข้าดังกล่าวชะลอตัวลง เนื่องจากปฏิบัติการรุกรานยูเครนของรัสเซีย ก่อความปั่นป่วนทางอุปทานพลังงานทั่วยุโรปและทำให้กระแสเชื้อเพลิงเบี่ยงเส้นทางไปที่อื่นๆ
การขนส่งเบนซินและส่วนผสมผลิตภัณฑ์น้ำมันชนิดต่างๆ มายังนิวยอร์ก ลดลงราว 25% เมื่อเทียบกับเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ตามรายงานของบลูมเบิร์ก พร้อมระบุว่า อุปทานในภูมิภาคอ่าวนิวยอร์กแตะระดับต่ำสุดในรอบ 1 ทศวรรษ หากเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันนี้ของแต่ละปี
(ที่มา : บลูมเบิร์ก)