หญิงอินเดียวัย 30 ปี ซึ่งถูกลูกเลี้ยงขืนใจนานหลายเดือน และยังถูกเพื่อนๆ สามีรุมโทรม ตัดสินใจเขียนจดหมายถึงประธานาธิบดีอินเดีย เพื่อขออนุญาตจบชีวิตด้วยวิธี “การุณยฆาต” เนื่องจากแจ้งตำรวจแล้วคดีไม่คืบ ทำให้รู้สึกหมดหวังต่อกระบวนการยุติธรรม
หญิงชาวรัฐอุตตรประเทศรายนี้ได้เขียนจดหมายลงวันที่ 20 ต.ค. ส่งถึงประธานาธิบดี เทราปที มุรมู (Droupadi Murmu) โดยเล่าว่า เธอถูก "ขู่เอาชีวิต" มาแล้วหลายครั้งเพื่อให้ยอมปิดปากเงียบเรื่องที่ตัวเองถูกล่วงละเมิด ขณะที่ตำรวจก็ไม่ดำเนินการจับกุมผู้ต้องหา ทั้งๆ ที่มี “คำสั่งศาล” ออกมาแล้ว
“ฉันต่อสู้มามากแล้ว และไม่คิดว่าจะได้รับความยุติธรรม ดังนั้นจึงอยากจะขออนุญาตจากท่านประธานาธิบดีเพื่อจบชีวิตตัวเอง” เนื้อความในจดหมายระบุ
หลังหย่ากับอดีตสามีเมื่อ 3 ปีก่อน หญิงรายนี้ได้แต่งงานเป็นครั้งที่ 2 เมื่อเดือน ม.ค. กับชายวัย 55 ปี ซึ่งมีฐานะร่ำรวยและเป็นพ่อม่าย จากนั้นก็ย้ายตามสามีใหม่จากรัฐอุตตรประเทศไปอยู่ที่เมืองจัณฑีครห์ (Chandigarh)
แต่ในขณะที่เธอคิดว่ากำลังจะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ ทุกอย่างกลับไม่เป็นดังคาด เพราะลูกชายของสามีใหม่เริ่มเข้าหาเธอตั้งแต่ช่วงเดือน เม.ย. และขืนใจเธอหลายครั้ง แถมยังขู่ว่าจะแก้แค้นหากเธอไม่ปิดปากเงียบ
ต่อมาเธอตั้งครรภ์ และพยายามจะไปตรวจ DNA แต่กลับถูกทำร้ายด้วยการชกเข้าที่ท้องหลายครั้ง และโดนบังคับให้ไป “ทำแท้ง” ที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในเมืองปุรันปูร์ (Puranpur)
ความทุกข์ของเธอยังไม่จบแค่นั้น เพราะเมื่อวันที่ 18 ก.ค. เธอถูกพาไปที่ฟาร์มแห่งหนึ่งของเพื่อนสามี และโดนญาติกับเพื่อนของเขาอีก 2 คนข่มขืนซ้ำอีก
เธอตัดสินใจเข้าแจ้งความที่สถานีตำรวจท้องถิ่น แต่ปรากฏว่าคดีไม่คืบหน้า จึงได้ไปยื่นฟ้องศาลโดยตรง ซึ่งศาลได้มีคำสั่งให้ทางตำรวจยื่นเอกสารข้อมูลเบื้องต้น (FIR) เกี่ยวกับคดีนี้
แม้เอกสาร FIR ที่ตำรวจทำขึ้นจะมีการระบุชื่อผู้ต้องสงสัย 5 คน รวมถึงสามี และลูกเลี้ยงของเธอ พร้อมทั้งแจ้งข้อหารุมโทรม ทำร้ายร่างกาย และข่มขู่ แต่กลับไม่มีการควบคุมตัวคนเหล่านี้
“ผู้ต้องหาทุกคนยังลอยนวลและข่มขู่ฉันอยู่ตลอดเวลา ฉันขอตายเสียดีกว่ามีชีวิตอยู่แบบนี้” เธอกล่าว
ปัจจุบันหญิงรายนี้ได้กลับไปอาศัยอยู่กับมารดา น้องชาย และลูกชายวัย 6 ขวบที่เกิดกับสามีเก่า
ดิเนศ กุมาร ประภู ผู้กำกับการตำรวจที่รับผิดชอบคดีนี้ ออกมาชี้แจงเมื่อวันศุกร์ (21 ต.ค.) ว่า นี่เป็นคดีที่ “ซับซ้อน” ซึ่งประกอบด้วยข้อเท็จจริงและหลักฐานมากมาย และตำรวจกำลังสอบสวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นโดยให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งเมื่อแล้วเสร็จจะมีการดำเนินคดีต่อผู้ที่ทำผิดต่อไป
ที่มา : Times of India