นักเคลื่อนไหว 2 คนบุกปา “มันฝรั่งบด’ ใส่ภาพวาดมูลค่ากว่า 110 ล้านดอลลาร์ ฝีมือ “โมเนต์” (Monet) ภายในพิพิธภัณฑ์แห่งหนึ่งของเยอรมนี โดยอ้างว่าต้องการกระตุกจิตสำนึกให้ผู้คนตระหนักถึงความรุนแรงของปัญหา “โลกร้อน”
นักเคลื่อนไหวจากกลุ่ม Letzte Generation หรือ “คนรุ่นสุดท้าย” ได้นำมันฝรั่งบดสีเหลืองไปสาดใส่ภาพ ‘Les Meules’ อายุ 130 ปี ซึ่งเป็นหนึ่งในผลงานศิลปะชุด "กองฟาง" ที่วาดโดยจิตรกรชาวฝรั่งเศส อ็อสการ์-โคลด โมเนต์ และปัจจุบันถูกเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์ Museum Barberini ในเมืองปอตสดัม
“ผู้คนกำลังหิวโหย ผู้คนกำลังหนาวเหน็บ ผู้คนกำลังล้มตาย เรากำลังเผชิญหายนะด้านสภาพอากาศ” มิเรียม เฮอร์มานน์ หนึ่งในผู้ประท้วงร้องตะโกน พร้อมกับเอามือทากาวแล้วแปะติดกับผนัง
“วิทยาศาสตร์ได้เตือนว่า เราอาจจะไม่มีอาหารเพียงพอเลี้ยงครอบครัวภายในปี 2050 ภาพนี้จะไม่มีค่าอะไรเลยในวันหนึ่งที่พวกเราต้องแย่งอาหารกัน”
กิจกรรมนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นการลอกเลียนแบบกลุ่ม Just Stop Oil ในอังกฤษ ซึ่งเคยเอาซุปมะเขือเทศไฮน์ซไปสาดใส่ภาพวาด “ดอกทานตะวัน” มูลค่า 85 ล้านดอลลาร์ ของวินเซนต์ แวนโก๊ะ (Vincent Van Gogh) ที่หอศิลป์แห่งชาติกรุงลอนดอน เมื่อวันที่ 14 ต.ค.ที่ผ่านมา
“ถ้าภาพวาด 1 ภาพกับ #มันฝรั่งบด หรือ #ซุปมะเขือเทศ จะทำให้สังคมจดจำได้ว่าเชื้อเพลิงฟอสซิลกำลังคร่าชีวิตพวกเรา งั้นเราก็ขอมอบ #มันฝรั่งบด” ให้กับภาพๆ นี้!” กลุ่ม Letzte Generation ทวีตข้อความเมื่อวันอาทิตย์ (23)
ภาพวาดทั้งสองถูกใส่กรอบป้องกันเอาไว้อย่างดี จึงไม่ได้รับความเสียหาย ขณะที่เจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์ Barberini ยืนยันว่าการแกะมือผู้ประท้วงออกจากผนัง “ไม่ได้ยากเย็นเท่าไหร่”
ออร์ทรูด เวสไธเดอร์ ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์ ระบุว่า “แม้จะเข้าใจว่านักเคลื่อนไหวเหล่านี้มองหายนะด้านสภาพอากาศเป็นปัญหาเร่งด่วน แต่ผมก็ยังตกใจอยู่ดีที่พวกเขาเลือกใช้วิธีนี้ เพื่อทำให้สังคมหันมาใส่ใจข้อเรียกร้อง”
ด้านผู้นำพรรคกรีนประจำรัฐบรันเดินบวร์กก็ออกมาทวีตเตือนผู้ประท้วงว่า “การทำลายภาพวาดที่มีชื่อเสียงไม่ได้ช่วยต่อสู้วิกฤตสภาพอากาศ แต่เราต้องการมติเห็นพ้องจากสังคมในวงกว้างต่างหาก”
ที่มา : New York Post