รอยเตอร์/เอเอฟพี/เอเจนซีส์/MGRออนไลน์ - ไฟไหม้เรือนจำอีวิน (Evin) ในกรุงเตหะรานวันเสาร์ (15 ต.ค.) ขังนักโทษการเมืองอิหร่านและนักโทษถือ 2 สัญชาติจำนวนมาก ไฟเกิดลุกไหม้ภายในเรือนจำระหว่างเกิดการปะทะระหว่างผู้ต้องขังและการ์ดผู้คุมมีเสียงปืนดังออกมา ล่าสุดสามารถควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว วอชิงตันออกโรงเตือนเตหะรานต้องรับรองความปลอดภัยชีวิตนักโทษอเมริกันในคุก หลังสหรัฐฯ จับมืออังกฤษซ้อมรบกลางอ่าวเปอร์เซีย ทดสอบโดรนสอดแนมสุดล้ำมูลค่าไม่ต่ำกว่า 80 ล้านดอลลาร์ที่ถูกเตหะรานยึดไว้ถึง 2 ครั้ง
รอยเตอร์รายงานวันนี้ (16 ต.ค.) ว่า สำนักข่าวทางการ IRNA ของอิหร่านรายงานว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ไม่ต่ำกว่า 8 คนไฟไหม้เรือนจำอีวิน (Evin) ในกรุงเตหะรานวันเสาร์ (15 ต.ค.) ขังนักโทษการเมืองอิหร่านและนักโทษถือ 2 สัญชาติจำนวนมาก
ซึ่งเกิดขึ้นหลังการประท้วงจากคดีฮิญาบ มาห์ซา อามินี วัย 22 ปี ชาวเคิร์ด โดยการประท้วงเรียกร้องความยุติธรรมทำให้เกิดปะทะ และผู้เสียชีวิตล่าสุด 240 คน รวมผู้เยาว์ 32 คน และเจ้าหน้าที่ความมั่นคงอิหร่านเสียชีวิต 26 คน และมีจำนวนเกือบ 8,000 รายถูกจับใน 111 เมือง และมหาวิทยาลัย 73 แห่ง อ้างอิงจากสำนักข่าวกลุ่มนักเคลื่อนไหว HRANA
รอยเตอร์รายงานว่า แถลงการณ์จากความยุติธรรมอิหร่านเปิดเผยว่า ส่วนเวิร์กชอปของเรือนจำถูกจุดไฟเผา “หลังเกิดการต่อสู้ขึ้นระหว่างนักโทษกลุ่มหนึ่งที่กระทำความผิดทางอาชญากรรมทางการเงินและการขโมย”
แผนกดับเพลิงกรุงเตหะรานชี้ว่า กำลังสอบสวนสาเหตุการเกิดไฟไหม้ครั้งนี้
หนึ่งในพยานเปิดเผยว่า “ถนนที่มุ่งหน้าสู่เรือนจำอีวินถูกปิดลงแล้ว และมีรถพยาบาลฉุกเฉินจำนวนมากอยู่ที่นั่น” ส่วนพยานอีกรายกล่าวว่า ครอบครัวของนักโทษต่างรวมตัวที่ทางเข้าหลักด้านหน้าของเรือนจำ “ผมได้เห็นไฟไหม้และควันไฟ มีกองกำลังพิเศษจำนวนมาก”
เจ้าหน้าที่ความมั่นคงอิหร่านเปิดเผยว่า ความสงบสามารถกลับมาอีกครั้งสู่เรือนจำ แต่พยานรายแรกชี้ว่า เสียงไซเรนของรถพยาบาลฉุกเฉินยังคงได้ยินและควันไฟยังคงโชนอยู่เหนือท้องฟ้าของเรือนจำ
พยานกล่าวว่า “ผู้คนที่อยู่ในอาคารใกล้เคียงต่างพากันตะโกนว่า “ความตายต่อคาเมเนอี (ผู้นำสูงสุดจิตวิญญาณอิหร่าน อยาตุลเลาะห์ อาลี โฮไซนี คาเมเนอี (Ayatollah Ali Hosseini Khamenei))”
ทั้งนี้ เอเอฟพีรายงานว่า สำนักข่าวทางการอิหร่าน IRNA รายงานว่า สถานการณ์ทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมหลังเกิดการปะทะระหว่างนักโทษและการ์ดผู้คุมเรือนจำอีวินในคืนวันเสาร์ (15) และกลุ่มพวกก่อจลาจลเริ่มจุดไฟเผาเรือนจำ และรายงานต่อว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บไม่ต่ำกว่า 8 คน โดยอ้างอิงจากแหล่งข่าวนักดับเพลิงเตหะราน
และเว็บไซต์ทางความยุติธรรมอิหร่าน ไมซาน (Mizan) เปิดเผยว่า ตำรวจอิหร่านถูกเรียกตัวเข้าไปช่วยสนับสนุนกำลังเจ้าหน้าที่เรือนจำอีวินในการควบคุมสถานการณ์
ขณะที่เช้าวันอาทิตย์ (16) IRNA เปิดเผยภาพวิดีโอคลิปที่แสดงให้เห็นว่า พื้นที่บางส่วนของเรือนจำได้รับความเสียหายจากไฟไหม้ โดยมีภาพเจ้าหน้าที่ดับเพลิงกำลังฉีดน้ำเพื่อดับไฟที่ดูเหมือนป้องกันไม่ให้เกิดการระเบิดอีกครั้งในการปะทุรอบ 2
เรือนจำอีวินเป็นที่ขังนักโทษอเมริกันเชื้อสายอิหร่านเซียมัค นามาซี (Siamak Namazi) และโมราด ตาห์บาซ (Morad Tahbaz) ซึ่งเป็นชาวอเมริกันเชื้อสายอิหร่านและถืออังกฤษอีก 1 สัญชาติ และนักธุรกิจอเมริกันเชื้อสายอิหร่าน อิหมาด ชากี (Emad Shargi) อ้างอิงจากทนายความสิทธิมนุษยชน ซาอิด เดห์กาน (Saeid Dehghan)
นอกเหนือจากนี้ ยังมีนักโทษอื่นๆ เป็นต้นว่า นักมนุษยวิทยาชาวฝรั่งเศสเชื้อสายอิหร่าน ฟาร์บา อเดลขาห์ (Fariba Adelkhah) แพทย์ฉุกเฉินชาวสวีเดนเชื้อสายอิหร่าน อาห์มาเดรซา ดจาลาลี (Ahmadreza Djalali)
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน แสดงความคิดเห็นถึงไฟไหม้เรือนจำอีวินของเตหะรานระหว่างการเดินทางไปช่วยหาเสียงที่เมืองพอร์ตแลนด์ รัฐโอเรกอน “รัฐบาลอิหร่านนั้นกดขี่เป็นอย่างมาก” พร้อมแสดงความเห็นต่อว่า “เขารู้สึกประหลาดใจต่อความกล้าหาญของผู้คนและสตรีทั้งหลายที่ออกมาที่ถนนในการประท้วงเมื่อไม่นานมานี้และมีความนับถืออย่างสูงต่อคนเหล่านี้” โดยกล่าวว่า “มันช่างน่าทึ่งมาก” และไบเดนเสริมว่า “พวกเขาไม่ใช่กลุ่มที่ดีในรัฐบาล”
ด้านโฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ เน็ด ไพรซ์ (Ned Price) กล่าวผ่านแถลงการณ์ทางทวิตเตอร์ว่า “พวกเรากำลังติดตามรายงานจากเรือนจำอีวินด้วยความเร่งด่วน พวกเราอยู่ในการติดต่อกับสวิตเซอร์แลนด์ในฐานะรัฐผู้ปกป้องอำนาจของพวกเรา อิหร่านต้องรับผิดชอบโดยสมบูรณ์ต่อความปลอดภัยต่อพลเมืองอเมริกันที่ถูกควบคุมตัวอย่างผิดพลาดต่อคนที่สมควรต้องถูกปล่อยตัวโดยทันที”
อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่ไม่เปิดเผยชื่อให้สัมภาษณ์กับสื่อทาสนิม (Tasnim) ให้ข้อมูลว่า “ไม่มีนักโทษความมั่นคง (การเมือง) เกี่ยวข้องกับการปะทะระหว่างผู้ต้องขังวันนี้ และความเป็นจริงแล้วปีกเรือนจำสำหรับนักโทษความมั่นคงอยู่แยกออกไปและห่างจากปีกเรือนจำสำหรับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ และพวกขโมยและปล้น”
ทั้งนี้ การออกมาให้สัมภาษณ์ของผู้นำสหรัฐฯ เกิดขึ้นท่ามกลางความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ชาติอยู่ในความตึงเครียดสูง โดยล่าสุดกองทัพสหรัฐฯ และกองทัพอังกฤษทำการซ้อมรบร่วมกันในอ่าวเปอร์เซียเพื่อทำการทดสอบโดรนทางน้ำสอดแนมหมายเลข 5906 ของอเมริกาวันที่ 6 ต.ค. หลังโดรนลำนี้ถูกเตหะรานยึดไปได้ถึง 2 ครั้งในช่วงเวลาไม่กี่เดือนล่าสุด
สื่อเนวีไทม์ส์รายงานวันที่ 8 ต.ค. ว่า เป็นการซ้อมรบที่เกิดขึ้นเป็นเวลา 1 วัน โดยมีเรือรบสหรัฐฯ 2 ลำ และเรือรบราชนาวีอังกฤษ 2 ลำรวมโดรนสอดแนมทางน้ำ 3 ลำ
ซึ่งผลิตขึ้นโดยบริษัทเซลโดรน (Saildrone) ซึ่งโดรนสอดแนมทางน้ำนี้มีชื่อทางการคือ "Saildrone Explorer USV" โดยตัวเรือมีความยาว 7 เมตร ความสูง 5 เมตร และความกว้างของเรือที่ 2 เมตร เป็นระบบนำทางอัตโนมัติที่ประกอบไปด้วย ระบบทรานรีซีฟเวอร์ที่ระบุชี้เฉพาะ AIS (automatic identification system) ตัวสะท้อนเรดาร์ (radar reflector) ไฟนำทาง รวมไปถึงมีกล้อง 4 ตัวอยู่บนเรือที่คอยจับภาพไว้เพื่อความปลอดภัยระหว่างปฏิบัติการ และเดินทางด้วยความเร็วเฉลี่ยที่ 3 นอตในระยะทำการไม่จำกัด อ้างอิงข้อมูล navalnews และ naval-technology
อ้างอิงจากเว็บไซต์บริษัทผู้ผลิตพบว่าโดรนสอดแนมทางน้ำนี้มีสนนราคาระหว่าง 80-150 ล้านดอลลาร์ และมีค่าใช้จ่าย 100,000 ดอลลาร์/วัน สำหรับปฏิบัติการแต่ละวัน
เดอะการ์เดียนสื่อ อังกฤษรายงานเมื่อวันที่ 30 ส.ค.ที่ผ่านมา โดรนสอดแนมทางน้ำ Saildrone Explorer USV ซึ่งกำลังปฏิบัติหน้าที่ถูกกองกำลังอิหร่านกำลังลากไปเก็บในคืนวันจันทร์ ส่งผลทำให้เรือตรวจการณ์ยามฝั่งสหรัฐฯ USS ทันเดอร์โบลต์ (USS Thunderbolt) และเฮลิคอปเตอร์ MH-60 ซีฮอว์ก กองทัพสหรัฐฯ ไปยังที่เกิดเหตุและเกิดการเผชิญหน้า
แต่แหล่งข่าวเพนตากอนกล่าวว่า ไม่มีฝ่ายใดเปิดฉากยิงกระสุนและฝ่ายสหรัฐฯ ไม่ได้ขวางเรือชาฮิด บาซิอาร์ (Shahid Baziar) ของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติสาธารณรัฐอิหร่าน IRGC ให้แล่นจากไป เดอะการ์เดียนรายงานว่า เรือ IRGC ซึ่งยึดโดรนทางทะเลสหรัฐฯ ได้จากช่วงตอนกลางของอ่าวเปอร์เซียและพยายามที่จะลากกลับเข้าฝั่งอิหร่าน แต่ยอมคืนส่งมอบให้ฝ่ายสหรัฐฯ ก็ต่อเมื่อหลังจากทื่เรือรบสหรัฐฯ และเฮลิคอปเตอร์ซีฮอว์กมาถึง