xs
xsm
sm
md
lg

ทำเนียบขาวทำนาย ภายใน 10 ปี “วอชิงตัน” ต้องป้องปราม 2 ชาติมหาอำนาจนิวเคลียร์ "รัสเซีย-จีน" เป็นครั้งแรก ประกาศเร่งส่งระบบต่อต้านทางอากาศ NASAMS ให้ยูเครน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เอเจนซีส์/รอยเตอร์ - รัฐบาลสหรัฐฯ ล่าสุดออกคำเตือนว่าภายใน 10 ปี วอชิงตันจะเป็นครั้งแรกที่ต้องป้องปราม 2 ชาติมหาอำนาจทางนิวเคลียร์ โดยชี้ไปถึงคลังแสงยุทโธปกรณ์ที่เพิ่มของมอสโกและจีนถือเป็นชาติคู่แข่งที่มีศัยภาพในระยะยาว ขณะเดียวกัน ประกาศเร่งการส่งระบบป้องกันอากาศ NASAMS ความก้าวหน้าสูงให้ยูเครนหลังโดนรัสเซียโจมตีทางอากาศอย่างหนักมาตั้งแต่วันจันทร์ (10 ต.ค.)

เดอะการ์เดียน สื่ออังกฤษ รายงานวานนี้ (12 ต.ค.) ว่า หนังสือปกน้ำเงินยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ (national security strategy) หรือ NSS ที่ออกมาในเดือนตุลาคมปี 2022 ซึ่งตามคำแถลงของประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน ที่กล่าวไว้เมื่อวันที่ 12 ต.ค. ในหน้าแรกระบุว่า ยุทธศาสตร์ความมั่นคงสหรัฐฯ นี้จะแสดงให้เห็นถึงแนวทางกรอบภายใน 10 ปีข้างหน้าที่รัฐบาลสหรัฐฯ จะเดินหน้านำผลประโยชน์สำคัญของอเมริกาไปได้อย่างไร จุดยืนของอเมริกาในการแซงหน้าคู่แข่งภูมิศาสตร์การเมือง แก้ปัญหาความท้าทายร่วม และทำให้โลกของเราเดินหน้าอย่างหนักแน่นในหนทางสดใสและมีความหวังของวันพรุ่งนี้

ในสมุดปกน้ำเงิน ไบเดนย้ำว่า ความต้องการต่อความเป็นผู้นำของสหรัฐฯ ยังคงมีสูงเหมือนเช่นเคยเป็นมาทั่วโลก

สื่ออังกฤษรายงานว่า วอชิงตันออกคำเตือนว่าภายใน 10 นี้จะเป็นครั้งแรกที่สหรัฐฯ ต้องป้องปราม 2 ชาติมหาอำนาจทางนิวเคลียร์โดยกล่าวไปถึง “จีน” ว่าถือเป็นชาติขู่แข่งที่มีศักยภาพในระยะยาว แต่ทว่า “รัสเซีย” เป็นภัยคุกคามซึ่งหน้าปัจจุบันทันด่วนมากกว่าโดยชี้ไปถึงการคุกคามทางนิวเคลียร์ในยูเครน

และยังเตือนต่อว่า การคุกคามสามารถเพิ่มมากขึ้นจากการที่กองกำลังรัสเซียยังคงพ่ายแพ้ต่อไปในสนามรบ

“กองทัพตามแบบแผนของรัสเซียจะถูกทำให้อ่อนแอมากขึ้นซึ่งจะเพิ่มการพึ่งพาของมอสโกต่ออาวุธนิวเคลียร์ในแผนการทางทหารของตัวเอง” พิมพ์เขียวทางยุทธศาสตร์สหรัฐฯ กล่าว

ซึ่งการเผยแพร่ของหนังสือปกน้ำเงินนี้มีกำหนดต้องเปิดเผยในฤดูใบไม้ผลิ แต่ต้องเลื่อนออกไปเนื่องมาจากการบุกยึดยูเครนของรัสเซีย

ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน ได้ข่มขู่ที่จะใช้ “ทุกอย่าง” เพื่อปกป้องดินแดนรัสเซียที่เขาหมายความรวมถึง “ไครเมีย” ซึ่งถูกผนวกในปี 2014 และอีก 4 ภูมิภาคของยูเครนที่เพิ่งถูกผนวกไปล่าสุด โดยทางยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ NSS ได้ปวารณาการสนับสนุนของสหรัฐฯ ต่อยูเครนนั้นจะไม่ได้รับผลกระทบจากภัยคุกคามเหล่านั้น

หนังสือปกน้ำเงินกล่าวว่า “สหรัฐฯ จะไม่ปล่อยให้รัสเซียหรือชาติอำนาจอื่นใดสามารถบรรลุเป้าหมายผ่านการใช้การคุกคามในการใช้อาวุธนิวเคลียร์”

รอยเตอร์รายงานวันอังคาร (11) ว่า สหรัฐฯ ได้อนุมัติการการจัดส่งระบบต่อต้านจากภาคพื้นสู่อากาศแบบก้าวหน้า NASAMS (National Advanced Surface-to-Air Missile Systems) จำนวน 8 เครื่อง ซึ่งเชื่อว่า 2 เครื่องแรกจะถูกส่งออกไปในไม่ช้า ส่วนอีก 6 เครื่องจะถูกส่งออกไปตามตารางในระยะยาวหลังจากนั้น

จอห์น เคอร์บี โฆษกสภาความมั่นคงสหรัฐฯ แสดงความเห็นว่า “พวกเราคิดว่าพวกเรากำลังเดินตามตารางที่จะจัดส่ง 2 ชุดไปที่นั่นในอนาคตอันสั้น” และเสริมว่า “พวกเรามีความสนใจในการเร่งสปีดการจัดส่ง NASAMS ไปให้ยูเครนเร็วสุดเท่าที่พวกเราจะทำได้”

เดอะการ์เดียนชี้ต่อถึงหนังสือปกน้ำเงิน NSS ว่า ในคำปรารภผู้นำสหรัฐฯ ยังได้แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างประเภทของการคุกคามที่ออกมาจากปักกิ่งและมอสโก “รัสเซียแสดงภัยคุกคามทันทีต่อระบบระหว่างประเทศที่เปิดกว้างและเสรี ละเมิดกฎหมายพื้นฐานของกฎเกณฑ์ระหว่างประเทศปัจจุบันนี้ในขณะที่สงครามที่โหดร้ายของความก้าวร้าวต่อยูเครนได้ปรากฏ”

ขณะเดียวกัน ไบเดนได้กล่าวถึง “จีน” ในฐานะประเทศเพียงหนึ่งเดียวที่มีความตั้งใจในการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบระหว่างประเทศและเพิ่มอำนาจทางเศรษฐกิจ การทูต การทหาร และการเทคโนโลยี เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์”

โดยหนังสือปกน้ำเงินชี้ว่า “จีน” เป็นความท้าทายด้านยุทธศาสตร์ทางการเมืองที่สำคัญมากที่สุดของสหรัฐฯ

“จีนนั้นมีความตั้งใจและความสามารถที่เพิ่มขึ้นเพื่อเปลี่ยนกฎเกณฑ์ระหว่างประเทศเพื่อเกื้อหนุนหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงสนามผู้เล่นระดับโลกเพื่อประโยชน์ของตัวเอง ถึงแม้ว่าสหรัฐฯ จะยังคงยึดมั่นในการจัดการการแข่งขันระหว่างประเทศของพวกเราอย่างมีความรับผิดชอบ”

อ้างอิงจากสหพันธ์นักวิทยาศาสตร์อเมริกัน (Federation of American Scientists) ที่ได้ทำการเปรียบเทียบคลังแสงอาวุธนิวเคลียร์รัสเซีย 5,977 หัวรบต่อคลังแสงของสหรัฐฯ 5,428 หัวรบ แต่ทว่าเพนตากอนเชื่อว่า ปักกิ่งนั้นมีอาวุธนิวเคลียร์ไม่ต่ำกว่า 1,000 หัวรบภายในปี 2030 ส่งผลทำให้จีนกลายเป็นมหาอำนาจทางนิวเคลียร์เบอร์ 3 ของโลกไป เดอะการ์เดียนชี้

ซึ่ง ดาริล คิมบอลล์ (Daryl Kimball) หัวหน้าสมาพันธ์ควบคุมอาวุธ (Arms Control Association) ที่ก่อตั้งในปี 1971 ออกมาแสดงความวิตกถึงถ้อยคำใหม่ทางด้านยุทธศาสตร์ที่กล่าวไว้ในหนังสือปกน้ำเงินของทำเนียบขาวว่าอาจจะทำให้มีแนวความคิดใหม่ถึงขนาดคลังแสงนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ

“หากว่าเราต้องวิตกเกี่ยวกับขู่แข่ง 2 ชาติมหาอำนาจทางนิวเคลียร์ของพวกเราภายในปี 2030 ความหมายต่อจำนวนเป้าหมายในรัสเซียและจีนที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เชื่อว่าเราจำเป็นต้องมีป้องกันในความเสี่ยงเพื่อป้องปรามภัยคุกคามนิวเคลียร์เหล่านั้น? และมันจะส่งผลกระทบต่อจำนวนอาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธศาสตร์ (strategic nuclear weapon) อย่างไรที่สหรัฐฯ และประธานาธิบดีสหรัฐฯ เชื่อว่าเขาจำเป็นต้องใช้?”

คิมบอลล์ ย้ำว่า ถึงแม้ว่าจีนจะมีจำนวนนิวเคลียร์มากกว่าเป็น 2 เท่า แต่สหรัฐฯ ยังคงสามารถลดจำนวนอาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธศาสตร์ได้เป็นเพราะสหรัฐฯ มีเกินจำนวนความต้องการมากกว่าหากต้องใช้ในการป้องปรามทางนิวเคลียร์




กำลังโหลดความคิดเห็น