เอเจนซีส์ - ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน จะนั่งเป็นประธานการประชุมเจ้าหน้าที่กองทัพรัสเซียระดับสูงวันนี้ (10 ต.ค.) ท่ามกลางความวิตกว่าเขาอาจสั่งใช้นิวเคลียร์ตอบโต้การโจมตีสะพานไครเมียที่เกิดระเบิดในวันเสาร์ (8 ต.ค.) ท่ามกลางความระทึกหลังข่าววอชิงตันสั่งซื้อยาต้านสารกัมมันตภาพรังสี 290 ล้านดอลลาร์ และผู้นำยูเครนเปิดเผยเครมลินกำลังเตรียมสังคมรัสเซียให้พร้อมกับการใช้อาวุธนิวเคลียร์ สุดสะพรึงแสดงชัดจะเกิดอะไรขึ้นหากหัวรบนิวเคลียร์ทุกลูกในโลกร่วม 15,000 ลูกยิงขึ้นไปพร้อมกันทีเดียว
เดลีสตาร์ของอังกฤษ รายงานเมื่อวานนี้ (9 ต.ค.) ว่า ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูตินจะนั่งเป็นประธานการประชุมเจ้าหน้าที่กองทัพรัสเซียระดับสูงวันนี้ (10 ต.ค.) หลังสะพานไครเมียถูกโจมตีในเช้าวันเสาร์ (8) และทำให้หลายฝ่ายออกมาวิตกว่า ปูตินกำลังเตรียมการในการใช้นิวเคลียร์โจมตีเพื่อตอบโต้หลังจากที่ออกมาเรียกการโจมตีสะพานไครเมียที่รู้จักในนามสะพานเคิร์ช (Kerch Bridge) ว่าเป็นการกระทำก่อการร้ายโดยหน่วยพิเศษยูเครน
ซึ่งปูตินมีฐานะเป็นสมาชิถาวรของสภาความมั่นคงรัสเซีย
เนชันแนลรีวิว (National Review) สื่อสหรัฐฯรายงานวันอาทิตย์ (9) ว่า ผู้นำยูเครนออกมาเปิดเผยในวันศุกร์ (7) โดยอ้างว่าในขณะนี้ “รัสเซีย” กำลังเริ่มการเตรียมพร้อมสังคมรัสเซียสำหรับการใช้อาวุธนิวเคลียร์กับยูเครน
“พวกเขาเริ่มเตรียมพร้อมสังคมของพวกเขา มันเป็นอันตรายมาก” ประธานาธิบดียูเครน โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ชี้ว่าศัตรูของกำลังข้ามเส้นที่อันตรายด้วยการบอกสาธารณชนของตัวเองว่ามีความเป็นไปได้ที่อาจมีการใช้อาวุธนิวเคลียร์ในความขัดแย้ง
เซเลนสกีกล่าวว่า “พวกเขาไม่พร้อมที่จะทำมันแต่พวกเขาเริ่มต้นสื่อสาร พวกเขาไม่รู้ว่าพวกเขาจะใช้มันหรือไม่ ผมคิดว่ามันอันตรายแม้แต่ที่จะคิดถึงมัน”
ซึ่งสื่อ asianatimes ได้รายงานไว้เมื่อวันที่ 28 ก.ย.ว่า เมื่อไม่นานมานี้รัสเซียได้สั่ง โพแทสเซียมไอโอไดด์ (Potassium Iodide) ล็อตใหญ่ถึง 5 ล้านรูเบิล หรือราว 86,000 ดอลลาร์ โดยอ้างอิงจากหน่วยงานรัฐบาลรัสเซีย โพแทสเซียมไอโอไดด์ เป็นสารประกอบทางเคมีที่สามารถป้องกันสารกัมมันตภาพรังสีได้เมื่อเกิดวิกฤตนิวเคลียร์ขึ้น
Asianatimes ชี้ว่ารัสเซียใช้เวลาการจัดซื้อเพียงแค่ 4 วันเท่านั้น โดยเว็บไซต์ทางการของหน่วยงานจัดซื้อรัสเซียพบว่ามีการแสดงคำสั่งซื้อให้เห็นเป็นหลักฐานบนเว็บไซต์ซึ่งมีข้อความย้ำว่า รัสเซียซื้อจำนวนมากเพื่อประชาชนรัสเซีย
ด้านสหรัฐฯ มีการกว้านซื้อยาต้านสารกัมมันตภาพรังสีเช่นเดียวกัน โดยนิวยอร์กโพสต์รายงานว่า ในสัปดาห์ที่ผ่านมาประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน ออกมาเตือนถึงภัยคุกคามวันโลกาวินาศนิวเคลียร์ที่เชื่อว่ามีความเป็นไปได้ที่ผู้นำรัสเซียอาจใช้นิวเคลียร์ทางยุทธวิธีกับยูเครน
โดยกระทรวงสุขภาพและบริการมนุษย์ของสหรัฐฯ (HSS) ยืนยันว่าการจัดซื้อจัดหายา Nplate (เอ็นเพลท) ผลิตโดยบริษัทเอ็มเจน ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในแคลิฟอร์เนีย จำนวน 290 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการจัดซื้อสัปดาห์ในที่แล้วจากโครงการป้องกันอาวุธชีวภาพโปรเจกต์ไบโอชิลด์ (Project BioShield) ตามกฎหมายปี 2004
ซึ่งมีการศึกษาว่าหากว่าสถานการณ์นิวเคลียร์เกิดขึ้นจริงขึ้นมาเป็นต้นว่า หากว่าหัวรบนิวเคลียร์ทุกลูกในโลกที่มีอยู่เกิดถูกจุดขึ้นมาพร้อมกันจะเกิดอะไรขึ้น
เดลีสตาร์รายงานเมื่อวันที่ 25 ก.ย.ว่า ปัจจุบันนี้มีระเบิดนิวเคลียร์ทั้งหมดร่วม 15,000 ลูกในโลก โดยที่ "รัสเซีย" และ "สหรัฐฯ" มีส่วนแบ่งมากที่สุดในโลกโดยมีประเทศละ 7,000 ลูกโดยประมาณ
และอีก 1,000 ลูกอยู่ในความครอบครองระหว่างอังกฤษ ฝรั่งเศส จีน เกาหลีเหนือ อิสราเอล ปากีสถาน และอินเดีย โดยยูทูปช่อง "Kurzgesagt - In a Nutshell" ที่มีชื่อเสียงที่มีผู้ติดตามราว 19.4 ล้านคนได้สอบถามผู้เชี่ยวชาญวิทยาศาสตร์ถึงการคาดการณ์การพัฒนาของเหตุการณ์ต่อเนื่องที่อาจจะเกิดขึ้นหากว่านิวเคลียร์ทุกลูกในโลกเกิดถูกยิงขึ้นมาพร้อมกัน
โดยอ้างอิงจากการศึกษาของ Kurzgesagt พบว่าแค่ต้องใช้อาวุธ 3 ส่วนของอาวุธเหล่านี้ในการกวาดล้างทั้งเมือง หรือคิดเป็นหัวรบนิวเคลียร์จำนวน 13,500 ลูกในการทำลาย 4,500 เมืองทั่วโลก และในการทำเช่นนั้นจะพบว่าราวครึ่งหนึ่งของมวลมนุษยชาติหรือราว 3 พันล้านคนจะเสียชีวิตภายในชั่วพริบตา และจะยังมีอาวุธหลงเหลืออยู่อีก 1,500 ลูก
Kurzgesagt ชี้ว่า ได้มีการวิเคราะห์ว่าการระเบิดจะเป็นเช่นไรหากว่านิวเคลียร์ทุกลูกเกิดระเบิดโจมตีที่ศูนย์กลางไปยังจุดใดจุดหนึ่งของโลก และพบว่าการระเบิดจะทำให้เกิดลูกไฟขนาดยักษ์ที่มีความกว้างถึง 31 ไมล์ และการระเบิดจะทำลายล้างไปไกลถึง 1,865 ไมล์
ป่าไม้จะต้องพินาศโดนทำลายจากการไฟป่ามหากาฬที่จะไม่เพียงแค่นั้น แต่การระเบิดจะได้ยินไปทั่วทั้งโลกขณะที่คลื่นความกดดันจะกระจายวนไปทั่วโลก 10 เท่าของไม่กี่สัปดาห์ตามมาหลังจากนั้น
การค้นพบในการศึกษาต่อสถานการณ์ของ Kurzgesagt คำนวณจากเหตุการระเบิดภูเขาไฟกรากะตัว (Mount Krakatoa) ในอินโดนีเซียเมื่อปี 1883 Kurzgesagt ชี้ว่าหัวรบนิวเคลียร์ที่มีอยู่ในโลกทั้งหมด 15,000 ลูกจะคิดเป็น 3 พันล้านตันของทีเอ็นที (TNT) ที่จะมีอานุภาพกว่าการระเบิดภูเขาไฟกรากะตัวราว 15 เท่า
และจะยิ่งเลวร้ายหนักกว่านั้นจำนวนหลายล้านตันของสสารที่เผาไหม้ได้จะแตกและจะกระจายขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศโดยมีหมอกควันรูปเห็ดและเศษซากส่งขึ้นฟ้า และจำนวนของสารกัมมันตภาพรังสีร้ายแรงที่จะเพิ่มเป็น 2 เท่าแผ่ไปทั่วโลก และจะฆ่าสิ่งมีชีวิตบนโลกอย่างรวดเร็วและทำให้หลายพื้นที่กินเนื้อที่หลายร้อยกิโลเมตรที่อยู่ทิศทางใต้ลมนั้นสิ่งมีชีวิตไม่สามารถอาศัยอยู่ได้
เดลีสตาร์ชี้ความร้ายแรงสุดสะพรึงมากขึ้นหากว่าแร่ยูเรเนียมของโลกถูกขุดและทำให้ระเบิด แต่ในชั้นนี้รายละเอียดยังไม่เป็นที่แน่ชัดถึงผลที่จะตามมา